วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

~ ถอยรถใหม่ ให้คุณนายแม่มูวี่ ~

........ สัปดาห์นี้มีรายจ่ายเยอะแยะ ขนาดเดือนนี้รับเยอะยังไม่ค่อยจะพอเลย

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

@@ Step ขับรถแบบเทพแท้ๆ ก็ยังพลาดสายจนได้ เมื่อเช้านี้ @@

......................เมื่อเช้านี้สายอีกแล้ว เสียตังจนได้ เซ็งชมัดยาด ก็ไม่น่าอ่ะนะ เช้าวันจันทร์ ไม่น่าประมาท ต้องโทษตัวเองสถานเดียวที่ออกจากบ้านช้าไปหน่อย ด้วยความที่หลายๆวันก่อนหน้านี้รถไม่ติดเท่าไหร่ จริงๆวันนี้รถก็ไม่ติดมาก มาติดตรงช่วงใกล้ถึงดินแดงนั่นแหละ เพราะเค้าซ่อมสะพานแยกดินแดง รถก็เลยติดขนัด วันนี้ติดตั้งแต่สะพานสุทธิสาร ถ้าผมตรงไป ยังไงก็สายครับ ไม่มีทางรอด เพราะถ้าติดตั้งแต่สะพานสุทธิสาร เส้นนั้นตรงไปถึงดินแดง ก็ติดแบบไม่ต้องขยับอยู่แล้ว !! เลยคิดว่า ตัดใจยูเทิร์นดีกว่า มาลองเข้าทางสะพานควาย ขับรถชิดขวา มองหาทางลัดไปโผล่พหลโยธิน ก็เจอทางลัดจริงๆด้วย ขับนิดเดียวมาทะลุโผล่ตรงข้างๆขนส่ง มาออกพหลโยธิน ? ดูเวลา โอ้โฮ เหลือเฟือแฮะ แต่จากตรงนั้นติดยาวเหยียดมาตลอดถึง อนุสาวรีย์ครับ

......................ปัญหาคือถนนมันแคบ รถเยอะ ยูเทิร์นเยอะ ไฟแดงติดนาน จากที่ไม่น่าจะสาย ก็เลยสาย จริงๆก็เห็นป้ายสัญญาณจราจรบอกไว้แล้วล่ะครับ มันขึ้นตัวแดงเถือก บอกเราว่าเส้นทางจากสะพานควาย ไปถึงอนุสาวรีย์ รถติดขนัด และเส้นอื่นที่มุ่งเข้าอนุสาวรีย์ก็ติดเหมือนกัน ? ก็เลยทำใจ ขับไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็สายแค่ไม่กี่นาที นึกแล้วเสียดายเหมือนกัน จริงๆเส้นนี้ก็น่าจะเร็วกว่าเส้นวิภาวดีนะครับ เพื่อนที่อยู่แถวสะพานควายก็บอกว่า ปกติรถไม่ติดมาก แต่วันนี้รถติดหนักไปหน่อย ?? ด้วยความที่ไม่ชำนาญทางด้วยแหละครับ เลยปาดซ้ายป่ายขวาไม่ได้อย่างที่เคยเป็น คนขับรถแถวๆนั้นมันโง่ครับ บางทีก็ไปติดรอยูเทิร์น บางทีก็ขับช้าทั้งๆที่น่าจะขับได้ไว และแยกจุดต่างๆ แทนที่จะปิดกั้น ก็เล่นเปิดให้ยูเทิร์นเสรี เยอะแยะไปหมด รถมันก็ติดน่ะสิครับ ถามได้

......................ไม่เข้าใจหลายๆจุดทำไมเปิดไฟเขียวช้าชมัด โดยเฉพาะแยกอนุสาวรีย์ ทั้งๆที่เลยอนุสาวรีย์ไปแล้วรถไม่ติดเลยแท้ๆ งงๆเหมือนกัน ?? ผมคิดว่าเส้นพหลโยธิน สามารถจัดการจราจรได้ดีกว่านี้ ถ้าผู้รับผิดชอบ ขยันทำงานมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย !! ผมยังมองไม่เห็นตำรวจจราจรเลยสักคน พับผ่าสิ บางเส้นนี่จราจรเดินกันยั้วเยี้ย น่าจะปล่อยมาให้แถบท้องที่นี้บ้างนะครับ .. มาถึงที่ทำงาน แวะทานโจ๊กตำลึง รองท้อง แล้วก็แวะดูข่าวแป๊ปนึงแล้วก็เข้าร้าน ใส่ร้องเท้าหนังอิตาลี ( มือสอง ) คู่ใหม่ ใช้งานวันแรก ยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ และเป็นการใส่รองเท้าหนังแบบผูกเชือกครั้งแรกในรอบหลายปี ? ต้องขอบคุณพี่กบ พี่สาวเจนนี่ที่หิ้วของดีมาฝาก ส่วนอีกคู่ที่เป็นรองเท้าหนังใหม่เอี่ยม กะว่าเก็บไว้ก่อน ให้คู่นี้พังซะก่อนแล้วค่อยใส่คู่ใหม่ของ มาร์โค่

ป.ล. ปกติผมใส่รองเท้าแบบสบายๆ ชอบเหยียบส้นเท้า แต่คู่นี้ยังใหม่ ไม่กล้าใส่แบบนั้น เด๋วของดีๆพังเร็ว เสียดายแย่ ~

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

~ พร้อมรบ เต็มอัตราศึก ?? ~

..............ตั้งใจจะเขียนเรื่องหนึ่ง แต่เปลี่ยนใจมาเขียนอีกเรื่องนึง เป็นธรรมดาของการเขียนไดอารี่ จากที่เคยเขียนไดอารี่ลงในเวปบล็อคใหญ่ๆ ย้ายมาในเวปบล็อคที่เล็กลง และเล็กลง ปีนึงเปลี่ยนที่เขียนไดอารี่สามหน ยอมรับว่าเป็นอะไรที่ปรับตัวยากพอสมควร กลุ่มแฟนๆก็เปลี่ยนไป จนตอนนี้มาเขียนในที่ๆเล็กที่สุด ในระดับประเทศ แต่ระดับโลกก็ใหญ่อยู่ แต่ทีนี้ฐานคนอ่านเราก็เปลี่ยนไป ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ก็ตามมาอ่านละกันครับ ขอบอกว่ายังไม่มีการแต่งลูกเล่น หรือทำอะไรให้มันไฮโซนะครับ เพราะยังไม่มีเวลาศึกษา และมีความขี้เกียจเป็นอย่างมาก แต่ที่มีก้อคือใจรักในการเขียนไดอารี่ ยังมีเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไป ผมเชื่อว่าโลกมันแสนกว้างใหญ่ ถึงเราจะเป็นแค่หยดน้ำเล็กๆในมหาสมุทร แต่บางที หยดน้ำเล็กๆหยดนี้ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้ ( มั้งนะ )

..............อัพบล็อคไว้ที่นี่มาสามสี่ตอนแล้ว ยังไม่เคยทดสอบการโพสท์ภาพดูเลยสักที คิดว่าจะลองดูก็วันนี้แหละครับ ได้ผลเป็นอย่างไร ถูกอกถูกใจหรือเปล่า พรุ่งนี้จะมาบอกแล้วกันครับ เดิมทีผมเคยเอาชีวิตไปผูกไว้กับคนๆนึง สิ่งๆนึงนานเกินไปหน่อย พอผิดหวังมา ชีวิตก็เลยซวนเซไปได้พอสมควร ต่อจากนี้ผมคิดว่าจะไม่ผูกชีวิตไว้กับอะไรหรือสิ่งใดสิ่งนึงสิ่งเดียวนานๆล่ะครับ มันอันตรายเกินไป ต้องค่อยๆแบ่งกระจายความเสี่ยง หาแบคอัพสำรองไว้จุนเจือ ประคองชีวิตเราบ้าง ล้มทีจะได้ไม่เจ็บหนัก อิอิ ~ อย่างเวปตอนนี้เราก็มีเวปไซค์อยู่ที่นึง เมื่อก่อนคลังรูป ก็จะไปไว้ในเวปบล็อค ซึ่งก็พ่วงกับเวปไซค์นั้น ถือเป็นความคิดที่โง่เขลาและผิดพลาดเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้ ผมคิดว่าจะไม่เน้นคลังภาพ รวมไว้ในบล็อคอีกต่อไปแล้ว จะจับแยกเป็นสามที่ เวปก็เวปนึง บล็อคก็ส่วนของไดอารี่ ส่วนคลังภาพ คิดว่าจะโยกเอาไปไว้ใน multiply ซึ่งเก็บภาพได้เยอะ สะดวกกว่า ( แม้อาจจะทำให้คนเข้าไปชมได้น้อยลง อันนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ )

..............ส่วน Facebook ก็คงจะเอาไปไว้ใช้ในกรณีส่งข่าวกับเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะความเป็นส่วนตัวของมัน คงจะไม่เหมาะถ้าเอาใช้เป็นบล็อคไดอารี่หลัก มันเหมาะกับการส่งข้อความสั้นๆมากกว่า และก็ไม่สามารถเข้าถึงสาธารณชนวงกว้างได้ !! แต่มันก็ดีไปคนละอย่างน่ะครับ นอกเรื่องมากไปแล้ว เอาเป็นว่ามาชมภาพดีกว่า ภาพชุดนี้ถ่ายมาจากแถวหน้าที่ทำงานผมเองครับ เค้ากำลังรอต้อนรับม๊อบกันน่ะครับ เพราะว่าม๊อบเสื้อแดงเคยมาประชิดติดหน้าที่ทำงานหนนึงแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ครั้งนั้นก็เคยถ่ายภาพมาลงเวปครับ แต่คิดว่ากระทู้ตกๆลงไปแล้วมั้งก็เลยลบทิ้งไปตามระเบียบ ที่ทำงานผมเนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองคนสำคัญคนนึง ก็เลยต้องพร้อมในการตั้งรับเต็มที่ มีตำรวจมาเป็นหลายสิบนาย มีทหารมาตรวจตรา ราวกับสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บอาวุธอันตราย นึกแล้วก็ขำๆดีเหมือนกัน รปภ ถูกสั่งให้ตรวจอาวุธ ตรวจค้นรถทุกคันแบบละเอียด แต่สถานการณ์โดยรวมๆก็ยังปกติดีครับ ถ้าไม่ปกติเมื่อไหร่จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ



วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

~ โต๊กกะจาย หมดเลย เจอหลวงพี่กับผีขนุน บนดาดฟ้า Rca Plaza ~

........................เมื่อวันก่อนได้ไปดูหนัง The Hurt Locker ที่โรงหนัง House Rca มาครับ พอดีว่ารถไม่ติด เลยไปถึงก่อนเวลาพอสมควร เลยฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นรอบๆบริเวณนั้น จะถ่ายภาพโรงหนังก็เคยถ่ายมาโพสท์กระทู้รีวิวมาแล้ว เลยขี้เกียจ วันนี้พี่บ๊อกออฟฟิศที่คุ้นเคยกัน เขาก็ไปนั่งขายตั๋วอยู่ที่เฮ๊าส์ด้วย เห็นบอกว่าพนักงานของเฮ๊าส์เขาหยุด ก็เลยมานั่งแทนชั่วคราววันเดียว คุยกันนิดหน่อย เค้าก็ว่าที่นี่เงียบฉี่เหมือนเช่นเคยนะแหละครับ ~ แต่อาจจะเพราะมีหนังออสการ์ฉายอยู่หรือเปล่า ก็ยังพอจะมีคนมาตีตั๋วอยู่บ้างนะครับ ประปราย ไม่ถึงกับเงียบขนาดป่าช้า อีกเรื่องในโปรแกรมก็คือ Food Inc. ก็ถือว่าน่าดูอยู่ครับเพราะเป็นหนังสารคดีที่ได้เข้าชิง 5 เรื่องสุดท้ายออสการ์เหมือนกัน เดินอ่านๆข้อมูลต่างๆที่ติดอยู่ข้างโรงหนังเฮ๊าส์จนครบ ส่วนตัวอยากดูหนังเรื่อง Frozen แฮะ ท่าทางน่าตื่นเต้นดี ที่เหลือก็ยังไม่พบว่าจะมีหนังเรื่องไรน่าดูเท่าไหร่

........................ลงมาเอาบัตรจอดรถที่รถเพื่อไปแสตมป์เด๋วจะโดนค่าจอดรถ แล้วก็เดินไปเดินมา พอดีว่าจอดรถอยู่หัวมุมของอาคารอาร์ซีเอพลาซ่าพอดี เหลียวมองขึ้นไป เห็นมีกะไดเดินขึ้นไปข้างบนได้ ก็เลยคิดว่า เอ ถ้ามันสูงพอ หรือสูงกว่าทางรถไฟฟ้า Airport Link เผื่อว่าจะมีมุมสวยๆให้ถ่ายภาพได้ เลยขอเดินขึ้นไปสำรวจก่อนดีกว่า แต่ยังไม่ถึงดาดฟ้านะ เขามีกั้นเอาไว้เพราะเป็นที่พักของช่างซ่อมแอร์ของอาคารมั้งครับ แต่เราเห็นว่าไม่มีคนนี่หว่า ขอปีนข้ามไปเลยละกัน อยากเห็นดาดฟ้าของอาร์ซีเอพลาซ่า ปรากฏกำลังจะขึ้นไปถึงดาดฟ้าพอดี ก็จ๊ะเอ๋ กับผู้ชายคนนึงหน้าคุ้นๆ เราก็ตอนนั้นตกใจ คือไม่คิดว่าบนดาดฟ้าจะมีคน กลัวเขาจะด่าว่าเราขึ้นมาได้ไงเนี่ย ? แต่เห็นหน้าคุ้นๆ เราก็เลยยกมือไหว้ หวัดดีพี่ พูดออกไปว่า " เอ๊ะ พี่หน้าคุ้นๆจัง ใครนะ " พี่เค้าก็ถามว่าเรามาได้ไงเนี่ย ? พอดีแกออกมาสูบบุหรี่น่ะครับ ผมเลยบอกว่า อ้อ มาดูหนังครับ พี่แกก็ถามว่ามาดูเรื่องอะไรล่ะ ผมก็บอกว่ามาดู The Hurt locker ครับ แล้วผมก็นึกออกว่าพี่แกเป็นใคร

........................ผมจำชื่อพี่เค้าไม่ได้น่ะตอนนั้น น่าจะชื่อ ทศพล ศิริวัฒน์มั้ง เป็น 1 ใน 3คนที่เคยเป็น 108 มงกุฏในรายการอะไรไม่รู้ แล้วตอนหลังมาเป็นนักแสดงหนังโรง แล้วก็เป็นผู้กำกับหนังด้วย แต่ผมจำได้ว่าพี่แกเคยเล่น หลวงพี่กับผีขนุน ( คนที่เล่นเป็นหลวงพี่ ) ตอนนั้นจำได้ว่าผมก็พูดออกไปว่า " พี่หลวงพี่กับผีขนุน " แกก็ยิ้มๆมั้ง แล้วก็บอกว่า มาทางนี้สิ เข้าทางนี้แล้วเดินไปทะลุออกด้านหน้าโรงหนังได้นะ ผมก็เลยตามไป เลยได้รู้ว่าตรงดาดฟ้านั้นเป็นด้านหลังออฟฟิศของสหมงคลฟิล์ม เห็นมีทีมงานกำลังถ่ายภาพ หนุ่มๆอยู่ สงสัยกำลังเก็บข้อมูลหรือแคสติ้งอะไรสักอย่างสำหรับการถ่ายหนังมั้งครับ หน้าตาไม่คุ้นครับ คนค่อนข้างเยอะ ผมล่ะเกรงใจจริงๆเดินผ่านเข้าไปก็ไปโผล่ออกด้านหลังโรงหนัง Rca 3 บริเวณชั้น 4 ของตัวอาคารครับ แล้วก็เลยลงลิฟท์มาด้านล่าง นึกเสียดายไม่ได้ติดกล้องไปด้วย เลยไม่ได้ถ่ายภาพคู่กับคุณหลวงพี่เลย อิอิ จริงๆเจอดาราก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะส่วนตัวก็เจอบ่อยครับ เพียงแต่ไม่เคยเจอในสถานการณ์แปลกๆหรือสถานที่ๆไม่คิดว่าจะเจอเท่าไหร่หรอกน่ะครับ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ

ป.ล. The Hurt Locker หนังดีมากๆๆ สมควรแล้วที่คว้าออสการ์ได้ 6 รางวัล

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

= = ขอแสดงความไว้อาลัย ผกก.บันนังสตา นักสู้ผู้กล้า = =

........................เมื่อวานอิ่มอร่อยเลย มีสาวเสื้อแดงพาไปเลี้ยงข้าวมาด้วย เลยสั่งแบบไม่ยั้ง ผลก็คือสาวเสื้อแดงหมดตังไป เกือบ 500 บาทแน่ะ แถมเมากันปลิ้นอีกตะหาก อยากชมภาพชุดผมกับสาวเสื้อแดง ก็คลิกเข้าไปชมกันที่เวปบอร์ดหมีแพนด้ากันเองละกันเน้อ ไม่เอามาฝากแถวนี้หรอก เด๋วจะมีคนเสื้อสีอื่นหมั่นไส้เอา ( ฮา ) วันนี้ถนนโล่งๆดีนะครับ สมเป็นวันอาทิตย์ และเชื่อว่าคงจะโล่งกว่าปกติเพราะน้อยคนที่จะกล้าออกมาเพ่นพ่านในวันพิเศษแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็คงจะอยู่กับบ้านกันหมด ใช้ชีวิตกันไปตามเรื่อง ผมเองถ้าไม่ติดว่าต้องมาทำงานในวันเซ็งๆ ก็คงจะออกไปร่วมม๊อบ เอ๊ย ก็คงจะพักผ่อนนอนดูหนัง ไปว่ายน้ำ พามูวี่ไปเฮฮาปาร์ตี้กันแบบชิล ชิล นั่นแหละคับ

........................ถ้าเป็นวันอาทิตย์ปกติแบบนี้ ส่วนใหญ่ถือว่าเป็นวันทำเงินทำทอง ขี้หมูขี้หมาก็เก็บสตางค์กลับบ้านได้สักพันสองพัน หรือถ้าโชคดีก็ได้มากกว่านั้น แต่ช่วงสถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้ก็ต้องได้แต่ทำใจ มันเลวร้ายมาตั้งแต่สัตว์เสื้อเหลืองยึดสนามบินนั่นแหละครับ นับแต่นั้นมา การท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวข้องก็พากันทรุดไปทันตาเห็น โชคดีที่ทำงานผมเค้าค่อนข้างแข็งแกร่ง ก็เลยฟันผ่าช่วงวิกฤตมาได้แบบหวุดหวิด แต่คิดว่าหลายๆบริษัท รวมถึงหลายองค์กร และพนักงานที่ทำงานด้านนี้หลายๆคนไม่ได้โชคดีแบบที่ผมเป็นอยู่ นับว่าน่าเศร้า !! ตอนนี้ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจะคิดไม่ต่างกัน อยากให้ทุกอย่างมันจบๆ สงบไวๆ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ คงไม่มีใครสนใจ

........................คนไทยก็แบบนี้แหละครับ ไม่สนใจเรื่องรอบตัวกันเท่าไหร่ ขอให้ตัวเองสบาย ขอให้ทำมาหากินได้ ใครจะโกงชาติ โกงแผ่นดิน หรือจะปกครองกันแบบใหนก็ตามแต่สะดวก เหมือนเรื่องโจรใต้นั่นแหละครับ จะมีคนไทยนอกเหนือจากจังหวัดชายแดนภาคใต้สักกี่คนที่จะสนใจกัน ? เค้าบอกว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดกับตัว ก็ไม่รู้สึกหรอกครับ จริงใหม ? อย่างข่าวผกก.ที่บันนังสตา คนที่ใกล้จะปลดเกษียณเต็มที ออกมาร้องเรียนนายก และผู้สื่อข่าว เรื่องขอย้ายมาทำงานบั้นปลายชีวิตที่ จ.ตรัง แต่ก็ไม่ได้ย้าย เพราะว่านายบอกว่า " ต้องการเงินมากกว่าคนทำงาน " เจริญใหมครับ ระบอบราชการไทย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าราชการถึงไม่ต้องการให้ใครบูรณาการ

........................น่าเศร้านะครับ ตำรวจดีๆ ทหารดีๆ อยู่ประเทศนี้ลำบาก การงานก็ไม่ก้าวหน้า แถมทำงานอย่างอุตสาหะมาตลอดชีวิต จะให้เค้าสบายได้พักในบั้นปลายก็ไม่ได้ ? สงสัยใหมครับระดับผกก. ทำไมต้องออกไปเข้าป่า ไปเยี่ยมเยียนไปตรวจตราให้ชาวบ้าน ทั้งๆที่ให้ลูกน้องไปก็ได้ ? ถ้าเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในเมือง คงชี้นิ้วสั่งให้ลูกน้องออกไปอย่างเดียว ตัวเองคงไม่ออกไปเสี่ยงหรอก จริงใหมครับ ? สุดท้ายตำรวจดีๆซึ่งมีไม่กี่คนในบ้านเมืองนี้ สุดท้ายก็เหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจ อยากรู้จริงๆว่า ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ ที่ออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการเนี่ย เค้าจะสำนึกในบาปที่ตัวเองทำไว้หรือเปล่า ? หรือว่า .... จนไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษเสียแล้ว ? เสียดายที่ช่วงนี้มีข่าวม๊อบเสื้อแดงมากลบ ไม่งั้นข่าวผกก.ท่านนี้เสียชีวิต คงต้องเป็นข่าวพาดหัวนสพ.ทุกฉบับอย่างไม่ต้องสงสัย ผมก็ขอไว้อาลัยกับครอบครัวของท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทำยังไง ไดอารี่ถึงจะขึ้นหน้าแรกได้กันล่ะเนี่ย ??

..............เฮ่อ ปีนี้ทำท่าจะต้องย้ายบล็อคไดอารี่อีกหนแล้ว เขียนที่ใหนก็ไม่ทนเลย ปีนึงเปลี่ยนสามหน เซ็งจัง จะหาที่ใหม่ที่ถูกใจมันก็ช่างหายากเย็นยิ่งนัก ตั้มไดร์ฟที่เซฟข้อความไดอารี่ไว้สองบล็อค ก็ไม่รู้มันไปอยู่ที่ใหน เซ็งอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง หรือว่าจะเลิกเขียนบล็อคไดอารี่ดีหว่า เขียนแล้วมันยุ่งยากนัก วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แวะไปเยี่ยมไอ้ขาวมา แวะไปเยี่ยมหลุมศพให้นุ๊กมา แล้วก็ขับรถกลับมา โทรคุยกับเพื่อนเก่านิดหน่อย ฝนก็ตกเปาะแปะ น่าเบื่อหน่าย อยากไปดูหนังก็ขี้เกียจ เงินทองก็ร่อยหลอ ทะเลาะกับที่บ้านอีก เป็นวันที่เซ็งๆเหงาๆ เศร้าๆยังไงก็บอกไม่ถูก หงุดหงิดอารมร์จริงๆ ไม่อยากทำอะไรเลยพับผ่าสิ มีใครชวนไปดื่มเหล้าแก้เซ็งได้บ้างใหมเนี่ย ??

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

Joblovenuk .... มาเยือน Blogger แล้วจ้า ~

..... เห็นใครต่อใคร เขาบอกว่า Blogger แห่งนี้ เป็นที่ๆน่าเล่นที่สุดแห่งนึง เลยอยากขอลองมาเปิดบล็อคกับเค้าด้วยคน เนื่องจากที่ๆเคยเล่น ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่นัก ก็ถ้าหากที่นี่ โพสท์ไม่ยาก อัพบล็อคไม่ยาก แปะภาพง่ายๆ ก็อาจจะมาใช้ที่นี่เป็นบล็อคหลักของข้าพเจ้าเลยละกัน แต่ตอนนี้ก็คงต้องขอศึกษารูปแบบไปอีกสักพักนะครับ ไม่เคยแวะมาที่นี่มาก่อน ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้กับทุกๆท่านด้วยนะครับ มีอะไรก็แนะนำกันได้เต็มที่เลยนะคับ ตื่นเต้นจัง ขึ้นบ้านใหม่อีกแล้วววว จะเปิดศึกกับใครอีกใหมน้า ??

http://www.pandagroup.pantown.com/