วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

+ joblovenuk โคตรเศร้า พลาดชมหนังท่าน ตัวประกอบ ปิงปิง แสดงคู่เจ้าป้า dfh +

........................ชีวิตมันก็แบบนี้แหละครับ บางทีเราวางแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว แต่บ่อยครั้งที่มันก็ไม่ได้ออกมาตามที่เราวางแผนไว้ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามลิขิตชะตาฟ้า หรือใครจะเรียกว่า เป็นเพราะเราลิขิตเองก็ว่ากันไปนะครับ ~ แต่จนแล้วจนรอด ก็คือ เมื่อวานนี้จากที่ลางานเอาไว้ ตั้งใจจะไปดูหนังสั้นของ น้องตัวประกอบ ปิงปิง ที่หอศิลป์กรุงเทพ เรื่อง The story about you and me หรือไงเนี่ย ? ที่น้องปิงปิง เธออุตส่าห์กำกับเอง แสดงเองร่วมกับเจ้าป้า dfh คนดังแห่งเวปเดรัจฉาน ( ขอไม่พูดถึงชื่อเวปให้เป็นเสนียดปาก ) ซึ่งจะฉายตอนห้าโมง ก็คำนวณดูแล้วว่าเวลามีเหลือเยอะ แม่ลูกเค้าอยากไปเที่ยวสวนสยามกัน ก็เลยรับปากว่าจะพาไป คิดว่าไปแค่ช่วงเช้าถึงบ่ายๆก็น่าจะเหลือเฟือ แต่ปรากฏว่าคาดการณ์ผิดไปถนัด ~

........................สวนสยามเปิด 10 โมงถึง 18.00 น.ในช่วงนี้ เราออกจากบ้านกันประมาณสิบโมงเศษๆ ไปถึง 11 โมงเศษๆ ก็เดินไปซื้อบัตรชุด เค้าขายกันในราคา 300 บาท รวมสวนน้ำกับเครื่องเล่น 14 อย่าง ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากนะครับ เหมือนจะแพง แต่ไม่แพงเลย แล้วก็มีอะไรให้ดูให้เล่นเยอะ แค่เครื่องเล่นก็กินเวลาปาเข้าไปถึงบ่ายสองแล้ว พี่แจ็คกับน้องเจฟฟรี่ตามมาสมทบด้วยอีกคู่ กว่าจะไปเล่นสวนน้ำก็บ่ายสองกว่าแล้ว ใหนจะเล่นสไลเดอร์ ทานอะไรต่อมิอะไร แล้วก็เดินไปถึงทะเลกรุงเทพก็ตอนสี่โมงแล้ว เล่นน้ำกันเพลิดเพลิน ดูเวลาแล้วยังไงก็ไม่ทัน เลยได้แต่โทรไปขอโทษน้องปิงปิงที่งานนี้อดไปดูหนังซะแล้ว รู้สึกละอายและเสียดายพอสมควรเลย เพราะรับปากไว้ตั้งแต่เดือนก่อนโน้น ไม่คิดว่าจะอดไปดู สรุปว่าเมื่อวานก็เล่นกันจนสวนสยามปิดครับ แถมตอนเค้าปิดแล้วยังจะกลับไปเล่นเครื่องเล่นต่ออีก ทันเล่นแค่อย่างเดียว จะขอล่องแก่งอีกรอบเค้าไม่ยอม จริงๆผมว่าน่าจะเลื่อนเวลาปิดไปเป็นสักสองทุ่มนะครับ เล่นกันไม่ทันหรอก เวลาน้อยไป

www.pandagroup.pantown.com




















วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

= Leap year .... รักแท้ แพ้ทางกิ๊ก ... จิงดิ่ ? =

Leap year ( รักแท้แพ้ทางกิ๊ก ) .... 3 ดาว ....

........................เปิดดิกเมื่อกี้ถึงได้รู้คำแปลของคำว่า Leap year มันแปลว่าปีที่มี 366 วันหรือมีวันที่ 29 กุมภา เพิ่มเข้ามาอีกวันนั่นเอง ? ในหนังเค้าเล่าถึงว่าถ้าปีใหนมีวันอธิกสุรทิน ผมก็ไม่แน่ใจว่าคำๆนี้แปลเป็นไทยว่าอะไรนะครับ ที่ประเทศไอร์แลนด์เค้าจะมีพิธีอย่างหนึ่ง ประมาณว่าเป็นเทศกาลพิเศษสำหรับผู้หญิงเป็นฝ่ายขอผู้ชายแต่งงานได้ ? พอนางเอกเห็นภาพพิธีอันนี้เข้า แล้วตัวเองก็คบกับแฟนมานานแล้ว แต่แฟนก็ไม่เคยขอแต่งงานสักที พอดีแฟนซึ่งเป็นคุณหมอ ได้ไปประชุมที่ไอร์แลนด์พอดี เธอก็เลยกะว่าจะตามไปเซอร์ไพร๊ซ์แล้วขอคุณแฟนแต่งงานซะเลย กะว่าจะโรแมนติกเต็มขนาดล่ะว่างั้น ~ ทว่ายังไม่ทันที่จะถึง ดับลิน ก็เกิดพายุเข้า พระเสาร์แทรก คุณเธอก็เลยต้องระหกระเหิน ไปโผล่กลางทางแถวๆบ้านนอกของไอร์แลนด์แทน จากนั้นก็ต้องพยายามหาทางเดินทางเข้าเมืองหลวงดับลินให้จงได้ เพื่อให้ทันวันสำคัญของเธอ ?

........................แล้วนางเอกก็พบว่าตัวเองต้องติดแหง่กอยู่ในเมืองบ้านนอกแห่งนึงซึ่งบ้านน๊อก บ้านนอก 555 แล้วก็เจอพระเอกมาดเถื่อนแต่หล่อ แถมยังเป็นคนอ่อนไหวเล็กน้อยอีกด้วย แน่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหอะ ลองได้ห่างแฟนแล้วได้เจอเสน่ห์เย้ายวนใจของเพศตรงข้ามนะครับ ยิ่งต้องไปอยู่ด้วยกัน ใช้เวลา ได้รู้จักใกล้ชิดกันนานแล้วไซร้ ความหวั่นไหวก็ย่อมเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา ยิ่งถ้าแฟนไม่ค่อยเอาใจใส่ ไม่ค่อยให้ความรัก ทนุถนอมอย่างดีแล้วไซร้ อีกฝ่ายจะเตลิดไปถึงใหนต่อใหนก็ยิ่งง่ายไปกันใหญ่ ? ด้วยสภาพบรรยากาศที่เป็นใจ วิวท้องที่ชนบท ไอร์แลนด์ นั้นงามเกินคาดไว้มาก คนที่คุ้นเคยกับวิถีเมือง เจอแต่วัตถุนิยม เคยไร้ราก ปราศจากวัฒนธรรม พอได้เจอความเป็นอยู่เรียบง่าย เจอวัฒนธรรมเกร๋ๆ ที่มันน่าประทับใจ ใครบ้างจะไม่หลงใหลครับ แถมได้เจอของใหม่ๆที่มันไม่เย็นชา ไม่จืดชืดเหมือนของก่าๆ โอ๊ย .. ใครบ้างไม่อยากลองจ๊ะ ?

........................Leap year เป็นหนังโรแมนติก คอมเมดี้ ที่อาศัยความแตกต่างของวัฒนธรรม ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง และโลเกชั่นที่ถือว่าน่าตื่นตาของไอร์แลนด์เป็นตัวนำเรื่อง คู่พระคู่นางก็พ่อแง่แม่งอนกันตามสไตล์หนังแนวนี้ แต่ก็เล่าออกมาดูน่ารัก และลงตัวทุกอย่าง ทั้งพัฒนาการของความสัมพันธ์หรือว่า จุดน่ารักๆและคาแรคเตอร์ของตัวละครก็ถูกขับออกมาได้อย่างนิ่มนวล เอมี่ อดัมส์ ตอกย้ำความเป็นตัวแม่ของหนังแนวนี้อีกครั้ง ส่วนพระเอกใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวครับ ฉากหลังนี่ต้องบอกว่างามมาก ผู้กำกับภาพถ่ายภาพไอร์แลนด์ซะออกมานุ่มนวลชวนฝัน แทบอยากจะไปเที่ยวกันเลยทีเดียว คิดว่าหนังฉายแล้วคนน่าจะแห่ไปเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ ผู้กำกับเล่าเรื่องออกมาได้อย่างกินใจ และไหลลื่นมาก เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี รวมถึงขำในหลายช่วงตอน หนังไม่ได้ลงโรงบ้านเรา แต่มีแผ่นให้เช่ากันแล้วครับ ลองหามาดู รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ~


http://www.pandagroup.pantown.com/

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

= Green Zone = หลอกลวงชาวโลกเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ? อเมริกันชาติชั่ว ?

Green Zone ( โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด ) .... 2 ดาวครึ่ง ....

........................มองดูเผินๆเหมือนฮอลลีวู๊ด จะทำหนังตีแผ่ประเทศตัวเอง กับสงครามที่ไร้สาระสิ้นดีในการรุกรานประเทศที่การทหารด้อยกว่ามากๆอย่างประเทศอิรัก อัฟกานิสถาน แต่ทว่าถ้ามองลึกลงไปจริงๆแล้วงานนี้สหรัฐไม่ได้มีแต่เสียกำลังคนและกำลังเงินหรอกครับ ไอ้ที่ได้กลับมาก็มากมายมหาศาล ลองไปขุดๆค้นๆดูผลประโยชน์ต่างๆที่ทางอเมริกา ทำกับรัฐบาลหุ่นเชิดอิรักสิครับ เอ หรือตอนนี้อิรักยังไม่มีรัฐบาลซะด้วยซ้ำไปหว่า ? ถ้าถามผมว่าทุกวันนี้ประเทศอะไรที่เลวที่สุดในโลก ผมคงต้องขอตอบทันทีอย่างไม่ลังเลเลยว่า ประเทศไ .. อุ๊ยส์ ไม่ใช่ ประเทศอเมริกา สิจ๊ะ ~ เพราะมีแต่ประเทศหน้าโง่บางประเทศแถวเอเซียเท่านั้นแหละ ที่ส่งทหาร ส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานในประเทศอื่น แต่ประเทศไม่ได้ผลประโยชน์อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย ? สร้างบรรยากาศความเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้าน แต่ปล่อยให้ประเทศอื่นๆ กอบโกยทรัพยากรเพื่อนบ้าน แถมยังตัดหน้าแย่งส่วนแบ่งเค๊ก การลงทุนธุรกิจต่างๆไปจากตัวเองซะหมด ไม่รู้ว่าใครโง่ ใครฉลาดกันแน่ ?

........................ก่อนมีสงครามรุกรานอิรัก ธุรกิจในอเมริกาซบเซาสุดๆ อาวุธผลิตมาเยอะแยะ ขายไม่ออกล้นตลาด พอหาทางก่อสงครามได้สำเร็จ นอกจากจะได้นำมันและทรัพยากรธรรมชาติปริมาณมหาศาลใช้ทั้งชาติไม่หมด ก็ยังได้เปิดตลาดค้าอาวุธสงครามของตัวเองให้มันกว้างใหญ่ไพศาลต่อไปอีก !! เรียกว่างานนี้ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็ไม่ต่างจากสงครามล่าอาณานิคมสมัยยุคร้อยกว่าปีก่อน แต่ด้วยความที่เดี๋ยวนี้วิทยาการมันกว้างไกล และข่าวสารก็มีการเผยแพร่ ผู้คนก็มีความเจริญขึ้นเพราะฉะนั้น การจะอยู่ๆไปฮุบประเทศเค้ามันก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ก็คล้ายๆกับที่ฝรั่งต่างชาติเค้าไม่ช่วยจับตัวอดีตนายกส่งกลับบางประเทศนั่นแหละ ? แถมยังไม่ให้ความร่วมมือแล้วก็ไม่เชื่อถือ รัฐบาลที่มีคนของตัวเองเคยเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน และเป็นหุ่นเชิดของฝ่ายทหารด้วย ก็ใครจะไปเชื่อถือรัฐบาลที่เที่ยวชี้หน้าด่าประชาชนตัวเองเป็นผู้ก่อการร้ายล่ะครับ ? ว่าแล้วฝ่ายนั่งโต๊ะของพวกอเมริกันก็เลยต้องเสนอไอเดีย การเข้าไปตรวจค้นอาวุธร้ายแรงในประเทศอิรักซะเลย !!

........................ผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้วถึงวันนี้ทุกประเทศ และทุกชนชาติก็รับทราบโดยทั่วกันแล้วว่า อาวุธเคมี อาวุธร้ายแรง อาวุธนิวเคลียร์อะไรทั้งหลายแหล่นั้นน่ะ มันไม่มีหรอกในอิรัก มันก็เป็นเพียงข้อหาสกปรกเพื่อจะเข้าไปยึดประเทศอื่นเขามาเป็นของตัวเองก็เท่านั้น ? เพราะถ้าจะค้นหาอาวุธร้ายแรง หรืออาวุธชีวภาพจำนวนมาก ไม่ต้องไปหาที่ใหนหรอกครับ ประเทศที่มีสะสมอยู่เยอะที่สุด ก็ประเทศอเมริกาของพวกมรึงนั่นแหละ !! การหยิบประเด็นนี้มาสร้างเป็นหนัง ถ้าออกฉายตั้งแต่สัก 6 - 7 ปีก่อน ช่วงอเมริกาบุกยึดอิรักใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นหนังที่น่าตื่นเต้นหรือเป็นการเปิดมุมมองแบบใหม่ๆได้อยู่บ้าง แต่เล่นมาออกฉายปี 2010 เนี่ย ความชั่วของอเมริกาเค้ามีคนมาเปิดโปงไปแล้วไม่รู้กี่ล้านรอบ เพราะงั้นมันก็เลยเป็นอะไรที่คนทั้งโลกเค้ารู้กันหมดอยู่แล้ว มีแต่พวกโง่เง่าในกะลาอย่างพวกไอ้กันเผ่าพันธ์เดียวนั่นแหละ ที่ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ว่าพวกตัวเองออกไปทำรายำตำบอนขนาดใหนกับชาวโลกเค้าไว้บ้าง ? ฮอลลีวู๊ดคงอายมั้ง เลยทำหนังแนวๆนี้

........................พระเอกเป็นนายทหารอเมริกันเข้าไปปฏิบัติภารกิจใน อิรัก แล้วก็เริ่มจับได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างคนของรัฐที่เข้าไปมีเอี่ยวและวางแผนสกปรกหลายๆอย่าง ก็เลยพยายามจะเปิดโปงอะไรทำนองนี้ ? เอ่อ ขอโทษครับ มีนายทหารประเภทใหนที่กล้าปฏิบัติงานแหกคอก นอกเหนือคำสั่งด้วยเหรอครับ ยิ่งในสถานการณ์ล่อแหลมและเสี่ยงชีวิตประเภทนี้ คนดูอย่างผมงงนะครับว่า แกขึ้นตรงกับหน่วยใหน หรือใครกันแน่ ถึงได้กล้าบ้าบิ่นอะไรขนาดนั้น ? เพราะทหารอาชีพเค้าจะต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งเป๊ะๆ ต้องมีวินัยชัดเจน ยิ่งถ้าไม่มีแบคระดับบิ๊กจริงๆหนุนหลังเนี่ย ไม่มีทหารหน้าใหนที่จะทำ หรือ " คิดแตกต่าง " หรอกครับ !! ไม่งั้นไม่แค่ตายนะครับ ถึงรอดมาได้ก็มีสิทธิติดคุกทหารสูงเชียวล่ะ !! บทหนังของไบรอัน เฮลเจลแลนด์เรื่องนี้มั่วซั่วและรั่วจนน่าตกใจครับ สร้างความสับสนให้กับตัวละครได้มาก ขณะที่ผมดูแล้วไม่งงนะครับ แต่มันรู้สึกซ้ำซากและไมน่าสนใจ ส่วนการกำกับของพอล กรีนกราส .. พูดได้คำเดียวว่า " เฮ่อ " ~


www.pandagroup.pantown.com

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

x - Sex Drive หนังช่วยชีวิต / Midnight Meat Train หนังพรากชีวิต - X

Sex Drive ( แอ้มติดล้อ ไม่ขอเวอร์จิ้น ) .... 3 ดาว .....
Midnight Meat Train ( ทุบกระโหลก นรกใต้เมือง ) .... 1 ดาว ....

...........................เวลาเราไปเช่าหนังแถวบ้านอ่ะครับ ส่วนใหญ่หนังดีๆที่น่าดูมันก็มักจะเป็นหนังคืนเดียวทั้งนั้นจริงใหมครับ แต่ถ้าเช่าไปแต่หนังคืนเดียวเราก็จะดูไม่ทัน ทำให้เสียค่าปรับ ร้านเช่าเค้าก็จะหากินจากค่าปรับประเภทนี้แหละครับ ทำให้อยู่ได้ ? เพราะส่วนใหญ่จะใช้โปรแบบเดียวกันคือ เช่า 2 เรื่อง แถม 1 เรื่อง หรือ 3 เรื่อง 50 บาท น่ะครับ อย่างเก่งผมก็จะเช่าหนังคืนเดียวสองเรื่อง แล้วก็เช่าหนังสามคืน อีกเรื่องนึง แต่งวดนี้เช่าหนังใหม่มาแค่เรื่องเดียว เก็บหนังเก่าสองเรื่อง เวลาเลือกหนังเก่านี่มันเลือกยากนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะดูหมดแล้วหรือไม่ก็เป็นหนังที่ไม่ค่อยน่าดูครับ การที่ต้องควานหาหนังเก่าในร้านเช่าอันใหญ่โต เป็นอะไรที่เสียเวลามาก เพราะแทบไม่เหลือหนังที่เราอยากดูแล้ว หรือถึงมีก็มักจะเป็นหนังที่เราคิดว่าไม่สนุก ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเช่าไปดีหรือเปล่า อย่างเช่นพวกหนังอาร์ทั้งหลายหรือไม่ก็หนังเกรดบี เทือกๆนั้น ตาดีได้ ตาร้ายเสีย

...........................หลังจากเสียเวลาเลือกอยู่หลายนาทีก็ได้มาสองเรื่องนี้แหละครับ เรื่องแรกคิดว่าคงจะเป็นหนังฮา บ้าๆบอๆ ดูแก้เครียดได้ ส่วนเรื่องหลังที่เช่ามาเพราะมีชื่อ " แบรดลี่ย์ คูเปอร์ " ในรายชื่อดารานำแสดง !! ขอคุยถึง Sex Drive ก่อนแล้วกันครับ จริงๆผมไม่ค่อยปลื้มหนังแนวตลกลามกเทือกๆนี้เท่าไหร่นะครับ เช่ามาเพราะไม่มีอะไรดูจริงๆ แต่ผิดคาดเลย ตอนที่เริ่มเปิดดูเมื่อคืนเป็นช่วงอารมณ์เสียมาก แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมกลับมาอารมณ์ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ? มันเป็น Road Movie ที่ฉลาด และมีตัวละครที่น่ารัก ทำอะไรเปิ่นๆบ้าๆเฮฮาได้เหลือเชื่อ และมุขตลกสถานการณ์ของหนังทำได้ดี ลื่นไหล และเข้ากับเนื้อหาได้โดยไม่หลุด ทะลึ่งแต่ไม่ลามกเกินเหตุ !! เป็นหนังที่มีอารมณ์ขันเยอะมาก พระ - นาง แสดงเข้ากันได้ดี ถึงจะพอเดาได้แต่รายละเอียดรายล้อมกว่าจะไปถึงปลายทางก็มีอะไรให้เราได้ลุ้นไปตลอดทาง .. ดูแล้วยิ้มเลย ~

...........................Sex นี่เป็นอะไรที่เล่าแล้วขำได้ง่ายๆ ถ้าไม่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปครับ ยิ่งมีประเด็นเรื่องเพื่อนกับสาวในเน็ทมาผสมโรงด้วยยิ่งหยอดมุขได้เยอะเลยเชียวแหละครับ เซ๊กส์กับความรัก จำเป็นต้องไปด้วยกันจริงหรือ ? การเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตด้วยเซ๊กส์และการเดินทางจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราให้มากขึ้นหรือเปล่าหนอ ? แล้วที่บอกว่าผู้ชอบผู้ชายดีๆนั้นน่ะ ก็ได้รับการตอกย้ำอีกครั้งว่า ไม่เห็นจะจริงเลย สุดท้ายอาจจะลงเอยกับผู้ชายดีๆก็จริง แต่ก่อนหน้านั้นก็ไปฟัดกับผู้ชายเลวๆมาเป็นพะเรอเกวียนเรียบร้อยแล้ว ? งานนี้หนุ่มเวอร์จิ้น หรือสาวเวอร์จิ้น ก็คงจะต้องรอแต่ของเหลือเดนจากคนอื่นซะกระมัง !! เพราะงั้นจะทำตัวเป็นคนดีไปทำไม ในเมื่อเป็นคนดีแล้วมันไม่มีใคร ( อิอิ ) เป็น Bad Boy / Bad Girl มีแต่ได้กับได้ อย่างน้อยก็ได้เสียวล่ะครับ ( ฮา ) สรุป Sex Drive จัดเป็นหนังมองโลกในแง่ดีที่ดูแล้วเพลิดเพลินเกินคาดไว้

...........................The Midnight Meat Train หนังของผู้กำกับญี่ปุ่นมั้ง ริวเฮ คิตามูระ ไม่รู้กำกับอะไรมา ถึงมีบุญมาทำหนังฝรั่ง ซึ่งก็ทำออกมาห่วยมาก ไม่น่าเชื่อว่านี่คือหนังเรื่องแรกๆที่ แบรดลีย์ คูเปอร์ เล่นเป็นพระเอก มันไม่น่าจดจำเลยสักนิด หาความสนุกไม่ได้ มีแต่ความรุนแรง ? เนื้อหาก็ซ้ำซาก ไม่มีลุ้นเลย แถมบทหนังนี่ดูไปได้แต่ส่ายหน้าไป ว่าทำไมตัวละครมันถึงได้โง่และบ้ามากมายขนาดนั้น อาทิ เดินสะกดรอยตามไปถ่ายภาพ ฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนมาแล้วไม่รู้กี่ศพ ตามแบบใกล้ชิดเลยนะครับ ขนาดว่าเค้าจับได้ว่าเดินตามมาแล้วก็ยังตามไปอีก นางเอกยิ่งโง่ใหญ่ เดินเข้าไปค้นภายในห้องพักของฆาตกร อะไรจะกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น ? หนังล้มเหลวโดยสิ้นเชิงทั้งในแง่จิตวิทยา และการเขย่าขวัญคนดู รวมถึงการแสดงก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ยิ่งดูยิ่งพบจุดบกพร่องและข้อเสีย แถมยังมีแต่ความไม่น่าเชื่อถือแทบทั้งเรื่อง หนังเกรดบีขนานแท้เลย


www.pandagroup.pantown.com

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Princess and The Frog ... ความสุขแบบพอเพียง ฉบับเจ้าชายกบของดิสนีย์ ?



The Princess and the frog ( สามดาว )

...............ผมชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าที่คิดนะครับ หนังอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของ วอลด์ ดิสนีย์ ถือว่ามีพัฒนาการที่น่าสนใจ ด้วยความที่ใช้วิธีการเขียนการ์ตูนแบบ 2 มิติ อย่างเดิม แทนที่จะใช้เป็นการ์ตูนวาดคอม สามมิติ เหมือนอย่างที่ค่ายอืนกำลังทำจนเกร่อ ก็เลยทำให้หนังดูดีกว่าที่ควร ที่สำคัญก็คือ ดิสนีย์กล้าจะฉีกขนบ แบบแผนเดิมๆ ด้วยการบิดและเปลี่ยนโครงสร้างของเนื้อหาเรื่องราวทั้งหมด ก็เลยทำให้หนังมีเสน่ห์กว่าที่ควรจะเป็น เริ่มจากหยิบนิทาน เจ้าชายกบ ออกมาพลิกคาแรคเตอร์ สลับขั้วบทบาทระหว่างเพศ และผิว รวมถึงนิสัยใจคอ บุคลิกต่างๆใหม่ทั้งหมด แต่ไม่หลงและไม่หลุด !! แม้ว่านิสัยหลายอย่างของเจ้าชายอาจจะดูออกร้ายๆ และไม่น่ารัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูเกลียด กลับทำให้คนดูชอบได้ ด้วยความจริงใจที่หนังพยายามนำเสนอ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมดูแล้วขำไปหลายมุข ทั้งๆที่ผมไม่ค่อยจะขำอะไรมากนักเวลาดูหนังการ์ตูน ? ดิสนีย์ สร้างบทเจ้าชายให้เป็นเจ้าชายที่นิสัยดี แต่โดนสปอยด์จนเสียนิสัย สุดท้ายเลยโดนพระราชาไสส่ง เลยกลายเป็นเจ้าตกยาก ต้องมาหาผู้หญิงรวยๆแต่งงานด้วย เพื่อจะได้มีฐานะและความเป็นอยู่ดีๆเหมือนเดิม ? ส่วนนางเอกเป็นผู้หญิงผิวสี คนทำงานที่มีความฝันจะเปิดร้านอาหาร เป็นคนสู้ชีวิตอย่างแท้จริง

...............ทว่าเจ้าชายก็มาโดนพ่อมดเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำเข้าให้ ก็เลยกลายร่างเป็นกบ ปกติถ้าเจอสาวเจ้ามาจูบเค้า ก็จะทำให้คลายคำสาปได้ใช่ใหมล่ะครับ แต่คราวนี้พอจูบกับนางเอกเข้า แทนที่จะกลับกลายเป็นคน นางเอกก็ดันกลายร่างเป็นกบกับเค้าไปด้วย แล้วก็ต้องจับผลัดจับผลูร่วมกันผจญภัย และได้เรียนรู้ระหว่างกันและกันมากขึ้น ช่วงกุ๊กกิ๊กก็ทำได้ดี พัฒนาการของตัวละครทำได้ราบรื่น คาแรคเตอร์ตัวประกอบหนังเรื่องนี้ดีไซน์อาจจะไม่น่ารักนัก แต่ทำให้เราหลงรักได้สำเร็จ ? เพลงประกอบหนังออกแนวแจ๊ซๆ สนุกๆสไตล์ดนตรีของคนอัฟริกันอเมริกัน ฟังเพลินๆ เสียดายที่ผมดูพากษ์ไทย แต่ต้องบอกว่า คนที่พากษ์และร้องเพลงเป็นนางเอก เสียงดีมากๆๆ อยากรู้จริงๆว่าเป็นใครมาร้อง เพราะน้ำเสียงน่าจะเป็นมืออาชีพ !! หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้ดีมาเกือบตลอด จนมาตกม้าตายตอนจบนี่เอง ที่สุดท้ายหนังก็พลิกจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว เพราะมันหักล้างเกือบทุกข้อที่หนังพยายามพรีเซนต์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆๆ แต่ถ้าเกิดทำแบบที่ผมคิด มันก็อาจจะกลายเป็น Shrek เวอร์ชั่นดิสนีย์นั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโดนข้อหา ทำเลียนแบบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

...............คำถามก็คือ ลองได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว คนเราจะรู้จักคำว่า " ชีวิตพอเพียง " หรือมีความสุขในแบบที่เราเป็นอยู่ ได้จริงหรือครับ ? เพราะมนุษย์นั้นล้วนไม่รู้จักพอ ต้องใช้เงินเพื่อหาความสุขให้กับตัวเอง ไขว่คว้าหาอะไรที่ดียิ่งขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ผิดกับ สัตว์ ซึ่งมีแค่ตัวเปล่าเล่าเปลือย ก็สามารถหาความสุขให้กับตัวเองได้แบบสบายๆ ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องต่อสู้ เหยียบหัวคนอื่นให้มันจมลงไป หรือไม่ต้องทำร้ายคนอื่นๆรอบตัว แต่คนเราจะสามารถทำแบบนั้นได้จิงหรือ ถ้ายังไม่หลุดพ้นจากวัฐสงสาร ? แม่มดแห่งป่า ได้นำเสนอ และได้ชี้แนะแนวทางที่หลุดพ้นให้กับพระเอกนางเอกแล้ว แต่สุดท้าย ดิสนีย์ก็ .. ทำร้ายจิตใจคนดูอย่างผมจนได้ ในท้ายที่สุด ด้วยการที่บอกว่า แล้วมนุษย์ก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ วิถีที่เจริญ ที่ดีที่สุดสำหรับคนเรา ไม่ใช่ความพอเพียง แต่เป็นความสุขในฐานะมนุษย์ ความฝันของเราก็ต้องเป็นความฝันแบบอเมริกัน และเราต้องทำทุกวิธีทางที่จะไปให้ถึงฝันแบบ อคาเดมี แฟนตาเซีย ?? เฮ่อ ... มันจะจบแบบให้ทั้งสองคนกลายเป็นกบ แล้วอยู่กันอย่างมีความสุขกลางป่า ไม่ได้เหรอครับ ?? กลายร่างมาเป็นคน แล้วจะมีความสุขมากกว่าตอนเป็นกบ จริงหรือ ผมไม่ค่อยแน่ใจเลย เพราะสุดท้ายชีวิตคู่มันก็ไม่ใช่เทพนิยายอยู่แล้ว !!


www.pandagroup.pantown.com

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

** เจ้าป้า dfh เล่นหนังท่าน ตัวประกอบ ปิงปิง ส่วน joblovenuk ขอนั่งเป็นคนดู **

........................รายงานข่าวก่อนนะครับ เผื่อว่าแฟนๆของพวกเราบางท่านจะยังไม่ทราบว่า ขณะนี้ หนังของท่านตัวประกอบปิงปิง ซึ่งเป็นหนังรักสุดหวาดเสียว เอ๊ย สุดเซอร์ เหวอแตก เรื่อง The Story about you and me หรืออะไรประมาณนี้แหละครับ กำลังจะได้ฤกษ์ลงฉายให้ทุกท่านได้พิสูจน์ความหวาน ปนความแปลก กันแล้วนะครับ ในวันที่ 27 ก.ค. นี้ เวลาเท่าไหร่ ก็ดูเอาในโปสเตอร์แล้วกันนะครับ สอดส่ายสายตามาได้ขนาดนี้ คงจะมองเห็นเวลาในโปรแกรมออก หนังฉายที่ หอศิลป์กรุงเทพ อยู่ตรงหัวมุม สี่แยกมาบุญครองนั้นแหละครับ ( ไม่เคยไปเหมือนกัน )

........................เห็นว่าหนังยาวประมาณ 44 นาที หากท่านไปร่วมชมงาน ก็อาจจะได้เจอตัวเป็นๆของพวกเรา สุดหล่อเทพดราม่า ( ก๊าก ) ทั้งสามคน ตอนนี้กำลังคิดว่าอาจจะจัดโต๊ะแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆพวกเราด้วย มารับลายเซ็นของ joblovenuk ก่อนแล้วก็ค่อยขอท่านผู้กำกับ " ตัวประกอบ ปิงปิง " และต่อด้วยนางเอกหนัง " เจ้าป้า dfh สุดสวย " โอกาสทองแบบนี้อาจจะไม่ได้มีกันบ่อยๆนะครับ ( คิคิ ) ปกติผมก็ไม่ค่อยจะว่างหรอกครับ แต่วันนั้นจะพยายามเคลียร์ตัวเองให้ฟรีสุดๆ จะได้ไปร่วมงานรอบปฐมทัศน์โลก ของท่านปิงปิง ซะหน่อย ( ว๊าว )

........................หากว่าแฟนๆหนังท่านใด ดูหนังจบแล้วปลื้มท่านผู้กำกับ ตัวประกอบปิงปิง มาก จะออกมาเผยสารภาพความในใจกับผู้กำกับ หรือนางเอกหนัง ก็ได้เต็มที่นะครับ เพราะท่านผู้กำกับท่านเปิดกว้างอยู่แล้ว ส่วนนางเอกหนัง ก็ได้ยินว่าขณะนี้ยังโสดอยู่ ใครสนใจ แอบรัก แอบชอบอยู่ก็สามารถ ขายหนมจีบกันได้ตามสะดวกครับ ส่วนกระผมห้ามจีบนะครับ เพราะมีเมียแล้ว อิอิ ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ก็มีออกมาแล้ว ควานหาเอาแถวๆ youtube นะครับ น่าจะมีให้ชม เผื่อใครอดใจไม่ไหว อยากดูบางเสี้ยวบางตอนก่อนก็ยังดี ? ว่าแต่เจ้าป้าไม่เอาโทรสับกลับบ้านช่วงวันหยุดแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะหลบหน้าใครหรือเปล่า ก็ไม่เป็นไร เลยได้คุยกะน้องเหมียวหรือน้องแหม่มแทนเลย

www.pandagroup.pantown.com


ตัวอย่างหนัง The Story of you and me ตามไปชมก่อนได้

http://www.youtube.com/watch?v=Y_e6BqLcsXw

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

@@ พา Movie ไปดูหนัง ลุงพจน์ ที่ Esplanade Ratchada @@

........................ครอบครัวพวกเราไปดูหนังพี่พจน์ กันบ่อยครับ ตั้งแต่ปวารณาตัวเองเป็นแฟนคลับ พี่พจน์ อานนท์ แล้ว ตั้งแต่หนังเรื่อง Bangkok Love Story เป็นต้นมา ก็ได้สิทธิพิเศษไปดูหนังพี่พจน์มาโดยตลอด รอบเพรสบ้าง รอบแฟนคลับบ้าง มีเบอร์ตรงพี่เค้าอยู่แล้ว โทรไปขอกี่ที่ก็ได้ พี่พจน์ก็น่ารักมากๆๆ ให้ตั๋วมาตลอดขอให้บอกก่อน อย่างครั้งล่าสุด รอบแฟนคลับ " เการักที่เกาหลี " หนังรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่ตลกมากๆ ที่พจน์ก็ให้ตั๋วมาตั้ง 10 กว่าใบ แถมไปขอตั๋วเอาหน้าโรงเพิ่มได้อีกต่างหาก !! เสียดายก็ตอนที่ไปวันนั้น มีเพื่อนๆน้องๆหลายคนที่แคนเซิลไป ก็เลยทำให้ที่นั่งว่างไปบางที่ ถ้ารู้ว่าจะแคนเซิลกันเยอะ ก็จะเผื่อรับคนเพิ่มไปให้มากขึ้น

........................พอดีว่าวันนั้นตื่นเต้นไปหน่อย ก็เลยไปงานก่อนเวลาพอสมควร ลงทุนขึ้นทางด่วนไปเลยทีเดียว ไปถึงเอสพลานาด ตั้งแต่หกโมงนิดๆ ไปก่อนพี่พีจะมาถึงซะด้วยซ้ำ ดูภาพชุดเต็มๆได้ที่เวปบอร์ด pandagroup นะครับ โพสท์ไว้ตั้งนานแล้ว พอดีเห็นว่ามีภาพเหลือๆก็เลยเอามาแปะในบล็อคนี้ต่อเพิ่มอีกหน่อยนึง นึกๆแล้วก็อยากเอาภาพ มูวี่ กับ พี่พจน์ ตั้งแต่หนังเรื่องแรกมาไล่เรียงเป็นกระทู้หรือเป็นบล็อคใหม่สักอัน แล้วดูพัฒนาการระหว่างสาวน้อยกับพี่พจน์ ท่าทางจะน่ารักดีนะครับ มูวี่ดูหนังพี่พจน์เรื่องแรกตั้งแต่ยังไม่ขวบเลยมั้ง จนตอนนี้สามขวบกว่าแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆเลยเนาะ อีกหน่อยส่งมูวี่ไปเล่นหนังพี่พจน์ซะดีใหมเนี่ย อิอิ ~~

www.pandagroup.pantown.com















วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Little Miss Sunshine .... หนัง Feel Good มันต้องทำให้ได้แบบนี้ GTH ดูเอาไว้ซะ !!



Little Miss Sunshine ( สี่ดาว )

.........................เห็นได้ชัดว่านี่คือหนังทุนต่ำที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องนึงในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ครับ ด้วยการที่หนังทำเงินไปพอประมาณ พร้อมกับคว้ารางวัลออสการ์สาขา บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม ประจำปี 2007 ไปอย่างน่าภาคภูมิใจ !! ถ้าจะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากกว่ารางวัลที่ได้รับซึ่งเหมือนๆจะเป็นแค่ของปลอบใจด้วยซ้ำ เพราะหากว่าเป็นหนังสตูดิโอใหญ่ หนังเรื่องนี้ต้องได้หนังยอดเยี่ยมด้วยแหง๋ ๆ ? แต่พูดก็พูดเหอะ สตูดิโอไม่มีวันที่จะอนุมัติให้สร้างหนังที่มีเนื้อหาประมาณนี้อย่างแน่นอน !! ก็หนังเล่นเล่าเรื่องของครอบครัวๆนึงที่ประหลาด และไม่เหมือนชาวบ้าน มิใช่ครอบครัวในอุดมคติแบบฝันของคนอเมริกัน ? ทุกคนในครอบครัวนี้มีปัญหา ต่างล้วนไม่สมบูรณ์ด้วยกันทุกตัวละคร แต่เราส่วนใหญ่ในสังคมก็มักจะเป็นเช่นนี้กันไม่ใช่เหรอครับ เราไม่สมบูรณ์แบบ เรามีปัญหา และเราไม่แม้แต่พยายามที่จะหันหน้าเข้ามาคุยกัน มีแต่จะโยนความผิด กล่าวโทษให้กับคนอื่นว่าเป็นตัวการ ??

.........................ครอบครัวในหนังเรื่องนี้เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยเห็นในหนังฝรั่งและสังคมฝรั่งกันเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ลูกหลานพอเติบใหญ่ ก็มักจะย้ายบ้านไปอยู่ข้างนอก ไม่นิยมที่จะอยู่ร่วมกันเหมือนอย่างครอบครัวคนไทยบ้านเรา ? ทว่าคนในบ้านนี้ก็อยู่ร่วมกันแบบจำใจนะครับ เพราะต่างก็ไม่มีทางไป คุณปู่ติดเฮโรอีน , ลูกชายคนโตไม่ยอมพูดกับใคร , ลูกสาวคนเล็กฝันอยากเป็นนางงามรุ่นจิ๋ว , คุณลุงมีปัญหาซึมเศร้า เป็นเกย์ และเคยฆ่าตัวตายเนื่องจากรักคุด , คุณพ่อก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นอันเหมือนที่พยายามสอนคนอื่น , คุณแม่ก็ต้องแบกรับภาระ ความกดดันสารพัดในครอบครัว !! ทั้งหมดต้องจำใจร่วมกันเดินทางด้วยรถแวน เป็นระยะทาง 1200 กว่ากิโล เพื่อพาลูกสาวคนเล็กไปประกวดนางงามรุ่นจิ๋วที่ต่างเมือง ? แน่นอนว่านี่คือหนัง Drama - Road Movie - Coming of age ที่ใช้เวลาเล่าเรื่อง แค่ 100 นาที แต่สามารถคลี่คลายปมตัวละครที่แสนจะยุ่งเหยิงเหล่านี้ออกหมดได้อย่างเหลือเชื่อ ~

.........................บทภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องบอกว่าเขียนได้ยอดเยี่ยมมากๆๆๆ คนเขียนบท เก่งมากๆๆๆ น่าจะพูดได้ว่าเป็นบทหนังที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีเลยกระมังครับ มันเป็นหนังที่ง่ายมากต่อการเขียนบทให้เละ แต่คนเขียนบทเก่งมากๆที่เอาอยู่ และเค้าก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รักตัวละครที่เขาเขียนขึ้นมามากมายขนาดใหน ? บทหนังแจกแจงคาแรคเตอร์ตัวละครได้ละเอียด ชัดเจน และเข้าถึงสุดๆ ทั้งวางปมต่างๆได้ดี และหาทางคลี่คลายได้แบบนุ่มนวล ลงตัว ไม่มีข้อติเลย นอกจากนี้ทีมนักแสดงทั้ง 6 ที่ร่วมกันเล่นเรื่องนี้ก็แสดงกันได้แบบสุดยอดทุกคนเลย น่าจะพูดได้ว่าเป็นทีมนักแสดงชุดที่เข้าขาและเล่นเป็นทีมได้ดีที่สุดเท่าที่เคยดูหนังมาเลย ~ แถมการเล่าเรื่องยังสมูธ และจับใจ เข้าถึงอารมณ์คนดูสุดๆครับ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่แนวหนังและโทนแบบนี้ไม่น่าจะทำให้ประทับใจได้มากขนาดนั้น ? คงเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทอด ความอบอุ่น ความผูกพันของสายใยครอบครัวให้ออกมาได้กินใจคนดูอย่างถึงที่สุดกระมังครับ ?

.........................Little Miss Sunshine เป็นหนังที่เหมาะต่อการหยิบมาดูพร้อมๆกับครอบครัว แล้วก็ถกกันหลังจากหนังจบลง หนังเรื่องนี้สอนเราคนดูหลายอย่างมากๆ โดยไม่ใช้คำสอนแบบยัดเยียดหรือ จับคำพูดใส่ปากตัวละครแล้วพยายามสอนสั่งเราอ้อมๆ ? แม้ ชัยชนะ กับ ความพ่ายแพ้ จะเป็นอะไรที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่บางครั้ง ชัยชนะ หรือตำแหน่งแชมป์อะไร ก็ไม่ใช่คำตอบ หรือไม่ใช่ที่สุดของชีวิตแต่อย่างใด ? สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คุณอยู่บนจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสุดแล้วมีใครอยู่เคียงข้างคุณในวันนั้นหรือเปล่า ? จะได้แชมป์ จะเป็นที่หนึ่งแต่รอบข้างกายคุณไม่เหลือใคร แบบนั้นจะมีความหมายต่อคุณจริงเหรอ ? ความรัก ความเข้าใจ คุณอย่าไปเสาะแสวงหาจากใหน ถ้าคุณไม่เคยเปิดใจ ไม่เคยพร้อมจะทำความเข้าใจคนอื่นที่แตกต่างจากคุณ !! อยากให้คนอื่นเค้ารัก ก็ต้องหัดรักคนอื่นให้ได้เช่นกัน !! มนุษย์นั้นไม่เคยมีคำว่าสมบูรณ์แบบ แต่ในความไม่สมบูรณ์ระหว่างเราก็สามารถเติมเต็มให้กันและกันได้ และนั่นเองคือวิถีแห่งมนุษย์ ?

www,pandagroup.pantown.com

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Dear John & When in rome ... ผิดคาด ผิดหวัง หนังไม่ดีเอาซะเลย !!



Dear John ( รักจากใจจร ) .... 2 ดาว ....
When in rome ( อธิษฐานวุ่นลุ้นรัก ณ กรุงโรม ) .... 2 ดาว ....

.........................พูดไม่ออก บอกไม่ถูกจริงๆครับ หลังจากเมื่อคืนเปิดดูหนังสองเรื่องนี้ต่อกัน ปกติแล้วผมชอบหนังรักนะ แล้วสองเรื่องนี้ถือเป็นความโชคดีของผมที่ไม่สะดวกไปดูในโรงหนัง ช่วงที่หนังเข้าพอดี คือว่าดูจากพล็อตเรื่องแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่าง ผมว่าสองเรื่องนี้มันเข้าทางผมมาก จนดูจบแล้วอดตกใจไม่ได้ว่า ทำไมมันถึงได้หัวมังกุ ท้ายมังกือ ขนาดนี้ ?? คือแพกเกจหนังสองเรื่องนี้ดูดีมาก น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ แต่ก็ ... เหลวครับ หาความสนุกและประทับใจไม่ได้เลย !! ขอฉะทีละเรื่องก่อนนะครับ Dear John สร้างจากหนังสือของ นิโคลัส สปาร์ค เจ้าพ่อนิยายรักโรแมนติก ที่นิยายได้ทำหนังมาแล้วหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็จะออกมาดูดีมีชาติตระกูล แต่เรื่องนี้เห่ยที่สุดในบรรดาผลงานของแก !! มีนางเอกที่ผมชอบมาก อมันด้า ไซเฟรด มาเล่น แต่ก็ช่วยอะไรหนังไม่ได้ พระเอก แชนนิง ทาทัม หล่อแต่ไร้เสน่ห์มากๆ

.........................หนังออกแนว รักแบบวัยรุ่นช่วงฤดูร้อน จากนั้นก็ห่างๆกันไป อาศัยส่งจ.ม.ติดต่อหากัน แต่อารมณ์รับส่งระหว่างการเขียนจดหมาย ผมไม่เห็นความคืบหน้า พัฒนาอะไรของเรื่องราวเลย ไม่ได้ทำให้รู้สึกซาบซึ้งหรือว่าผูกพันอะไรแต่อย่างใด เป็นความชืดชาอย่างสิ้นเชิง !!
ปัญหาหลักของหนังก็คือ หนังรักเรื่องนี้ดันวางแคแรคเตอร์ตัวละครไม่เข้าท่า พระเอกเป็นคนประเภท หน้าที่การงานมาก่อนความรัก ? ซึ่งสวนทางกับนางเอก ไม่รู้ว่าโง่จริงหรือว่าแกล้งโง่ !! ยิ่งห่างเหินกันแบบนี้ ต่อให้รักกันยังไง สุดท้ายก็คิดไว้แล้วว่าต้องไม่รอด แล้วก็ไม่รอดจริงๆ แบบว่าไม่ต้องโทษใครเลยครับงานนี้ ต้องโทษตัวพระเอกอย่างเดียว บทจะซึ้งก็หมดความซึ้งกันล่ะครับแบบนี้ ไม่มีลุ้น แถมหักมุมช่วงท้ายยังทำให้คิดต่อไปอีกว่า พระเอกมันโง่ขนาดแท้อย่างเดียว คนที่คาบชิ้นปลามันไปกินก็กลายเป็นคนที่ไม่น่าจะได้เลยด้วยซ้ำ อดคิดไม่ได้เลยว่านิยายแบบนี้หรือ เอามาทำเป็นหนัง

.........................When in rome เหมือนจะเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่น่าจะฮา แต่หนังไม่ขำเท่าไหร่เลยครับ พระเอกดูดีใช้ได้ แต่นางเอกแค่เกือบสวย แถมไม่มีเสน่ห์เท่าที่ควร เอาหนังไม่รอด ผมมองไปถึงถ้าเป็น เอมี่ อดัมส์ หรือคนอื่น อาจจะทำให้หนังดูดีกว่านี้ได้ครับ แถมหนังไปถ่ายที่อิตาลี น้อยกว่าที่คิด มีฉากในโรม สัดส่วนแค่ประมาณ ไม่ถึง 20 % ของหนังเลยมั้ง หลอกลวงมากๆ แล้วเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ของเหรียญจากน้ำพุ ก็ดูแฟนตาซี โอเว่อร์ เกินจริง ทำให้หนังดูเพี้ยนๆ บ้าบอคอแตกเกินไป ไม่น่าเชื่อถือ เลอะเทอะเกินเหตุ !! ดูแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนในการชม เต็มไปด้วยเหตุการณ์ประหลาดๆ ดาราสมทบก็ไม่น่ารัก แดนี่ เดอวีโต้ กับ แองเจลิก้า ฮุสตัน มาเล่นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังดูดีขึ้นไปได้เท่าไหร่นัก เหมือนมาพักผ่อนซะมากกว่า !! เป็นหนังที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำออกมาเพื่อฉายในโรง คุณภาพระดับหนังแผ่นชัดๆเลยเชียวครับ ~


www.pandagroup.pantown.com