วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563

Classic Again ของที่มันคลาสสิคเมื่อนำมารีไซเคิลมันก็เลยเป็นแบบที่เห็นนี้แหละ

Classic Again ( จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ ) - 2 ดาว -

ความได้ฟัง " หนักใจ " ของป๋าโชติชู พึ่งอุดม หรือน้าป้อม ออโต้บาห์น ในเวอร์ชั่นหนังเรื่องนี้คือ The Best ของหนังทั้งเรื่อง เอาตรงๆถ้าเทียบกับเวอร์ชั่น 30 ปีก่อน อันนั้นก็เพราะแต่แบบแนวอกหักรักคุดแบบวัยรุ่น แต่เวอร์พ.ศ.นี้ น้าป้อมมา Re arrange ใหม่ให้โหยหวนกว่า เป็นความรักที่ตกผลึกแบบคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนแล้ว ซึ่งก็จะมีมุมมองความรักที่ลึกกว่า เมื่อได้ฟังแล้วมันก็เลยรู้สึกร้าวลึก เจ็บลึก อินได้มากกว่าเดิม ถึงใหนละ หนังเหรอ นอกจากนางเอกแล้วหนังก็แทบไม่มีดีอะไรเลย ( ฮา ) ไม่เข้าใจทำไมหนังไทยเวลาไปถ่ายโลสวยๆ ทำไมต้องทำแสงฟุ้งๆ หน้าชัดหลังเบรอ แทนที่จะเก็บรายละเอียดความงามของธรรมชาติรอบตัว ผิดกับหนังเกาหลี ญี่ปุ่นหรือฝรั่งซึ่งมักจะเน้นความงามรอบตัวไปพร้อมๆกับความงามของตัวละครและเรื่องราว จริงๆบทนางเอกสำหรับนางเอกใหม่คนนี้ก็ทำได้ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่อย่าเอาไปเทียบกับเยจินเด็ดขาด รายนั้นน้ำตาสั่งได้ ซีนดราม่า ซีนโรแมนติกอะไรเธอได้หมดทุกสิ่งอย่าง ทั้งเล่นเป็นหน้ายุคโบราณ หน้ายุคปัจจุบัน เธอแสดงได้เหมือนเป็นคนละคน ซึ่งอันนี้ ไม่ใช่แค่หานางเอกสวยๆสักคนมาก็ซ้อมๆบทกันไป ฝึกๆกันไป พรสวรรค์และความสามารถมันไม่ได้มาแบบโชคช่วยอ่ะนะ
หนังยกฉากสำคัญมาจากต้นฉบับเกือบหมด แต่กลับไม่ให้อารมณ์ความรู้สึกอย่างของเดิมเลย แปลกมาก หนังดูประดิษฐ์มากจนเฟค แล้วฉากฝนตกในขณะที่ฉากหลังแดดออกสว่างมากๆ จำไม่ได้ว่าต้นฉบับเคยเล่นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะมันดูหลอกเกินไป แล้วจงใจใส่ฉากแบบนี้มาเยอะมาก มีช็อตขำๆอยู่หลายฉาก ฉากพ.ศ.2510 กับสถานีรถไฟ คือเมืองไทยนี่เซ็ทฉาก 50 ปีก่อนกันได้ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ แค่ไปถ่ายสถานีรถไฟต่างจังหวัดก็ได้แล้ว ( ฮา ) ฉากนางเอกไปส่งพระเอกไปรบ พ.ศ.2516 ไทยมีสงครามไปรบกับเพื่อนบ้านประเทศใหนเหรอ เฮ้ย จะเล่นอะไรแบบนี้ กรุณาอิงกับประวัติศาสตร์เหตุการณ์จริงๆบ้าง ไม่ใช่นึกพิเรนจะยัดอะไรก็ยัดมา มันไม่เมคเซ็นส์อ่ะ แล้วไปส่งกันแบบเกาะท้ายรถจีเอ็มซี มันตลกมาก ไม่ซึ้งไม่อินอะไรเลย ซีน พ.ศ.2516 อีกอัน แทนที่จะเล่นเรื่องเหตุการณ์เดือนตุลาคม ก็ไปเล่นอะไรไม่รู้ เฮ้ย เรื่องแค่นี้ยังไม่กล้าแตะเลยเหรอ ป๊อดจัง ยังดีที่หนังได้การตัดต่อที่ถือว่าสมูธพอสมควรมาช่วยเอาไว้ งานดัดแปลงที่หยิบเรื่องราวในจดหมายมาทำเป็นละครเวทีถือว่าฉลาด และเป็นการบิดอันเดียวที่ทำออกมาได้เข้าท่า ค่อนข้างประหลาดใจที่หลายฉากก็ใช้องค์ประกอบทุกอย่างเหมือนต้นฉบับเลยแต่กลับไม่ให้อารมณ์ร่วมอะไรเลย ทำไมมันดูแห้งแล้งปานนั้น นางเอกในซีนอดีตดูดีกว่าซีนปัจจุบัน แต่ไม่ชอบที่ฉากเปิดเรื่อง ดูนางเอกจะเฟลิ๊ท หรือจีบพระเอกแรงไปนิส
ซีนหิ่งห้อยตลกมาก ดีที่ไม่เอามาปิดหนังอีกรอบ จะยิ่งดูตลกไปกันใหญ่ จริงๆแล้วเสน่ห์ของหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับ คือคำว่าคลาสสสิคของมัน มาจากการหยิบเอาช็อตคลาสสิกจากหนังเก่าๆหนังรักหนังบ้านๆมายำรวมกัน เรียกว่าเอาความน้ำเน่าออกมายำผสมปนเปกันจนกลายเป็นความกลมกล่อม แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้กำกับที่ใหนก็ได้จะเอามาทำแล้วจะออกมาดี ไม่ได้มีตำราเล่มใหนบอกว่า งานดีๆถ้าใครเอามาทำใหม่ แค่ก๊อปของเดิมมาทุกฉากแล้วก็เปลี่ยนตัวละครก็ออกมาดูดีได้แล้ว ดูไซโค กัส แวน ซองค์ นั่นประไร นั่นก็ลอกของเก่ามาทั้งดุ้นแล้วก็ดับแบบไม่เป็นท่า นั่นขนาดรุ่นเดอะเอามาทำนะนั่น ก็เสียผู้เสียคนกันไปพักนึง บางทีของที่มันขึ้นหิ้งอยู่แล้ว อาจจะไม่ควรแตะต้องซะด้วยซ็ำไป อย่างดีก็แค่เสมอตัว อย่างแย่ก็เละเทะตุ้มเป๊ะกันไปเปล่าๆ ไม่ใช่บทต้องเป๊ะ ผู้กำกับต้องเก่ง นักแสดงก็ต้องถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีด้วย และงานแคสติ้งหนังเรื่องนี้ก็พังมาก นอกจากนางเอกที่ถือว่าพอถูไถ ส่วนของพระเอก เพื่อนพระเอก ยุคปัจจุบัน ยุคอดีต คือปังปิ๊นาศมากๆ พระเอกหน้าทรงเดิมตลอด ไม่ว่ายุคสมัยใหน คือทรงต่อ ธนภพ แต่ไม่มีพลังดาราเหมือนต่อ จริงๆแล้วเพื่อนพระเอกยุคอดีต น่าจะมาเป็นพระเอกมากกว่า ดูดีกว่าพระเอกอีก ทั้งคาริสม่าและหน้าตา การแสดง พระเอกดูจ๋องมาก ทั้งๆที่จริงๆต้องดูบ้านนอก และต้องอบอุ่น ซึ่งเขาไม่มีเลย พระรองยังดูมีความจริงใจกว่า ส่วนพระเอกในยุคปัจจุบัน ก็ทรงเต๋อ แต่ไม่มีเสน่ห์เหมือนเต๋อ ( จบ ) เสียดาย หนังไม่ได้ห่วยจนเกินทน แค่ไม่มีอะไรน่าจดจำ และไม่น่าจะรีเมคออกมาเลยจริงๆ
ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และข้อความ
อริสา ลี, Sommai Lertularn และคนอื่นๆ อีก 10 คน