วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

++ My name is Kim / เดี่ยว 8 .... สุดยอดโชว์แห่งปี !! ++

......................ขอพูดถึงเดี่ยว 8 ทอล์คโชว์ เวอร์ชั่นล่าสุดของคุณโน๊ต อุดม แต้พานิช สักหน่อยครับ ซื้อแผ่นมาจากพม่าก็ตั้งนาน เพิ่งจะมีเวลาหยิบมาดูสักที ต้องบอกว่าประหลาดใจสุดๆ เพราะไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ ปกติแล้วไม่ได้ชอบโน๊ตเท่าไหร่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม โชว์ชุดเก่าๆของเขาก็เคยดูผ่านๆนะครับ จำได้ว่าชอบชุดแรก แต่ชุดที่เหลือ ห่วยแตก ตลกฝืด มาเกิดอีกทีสุดๆก็งานนี้แหละครับ เพราะเป็นโชว์ที่ยาวมาก ฮามาก สนุกมาก ขำมากๆๆ ดูแล้วชื่นชมเลยครับว่า โน๊ต นี่เป็นนักแสดงทอล์คโชว์ที่เก่งจริงๆ ต้องบอกว่าอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ คงต้องยอมรับในพรสวรรค์ของเขาตรงนี้ ที่สามารถหยิบเรื่องอะไรมาพูดก็ฮาได้ แถมยังมีการแสดงออกท่าทางที่ดูแล้วขำ รวมถึงสคริปยาวๆ หรือช่วงเพลงฉ่อย หรือกลอนอะไรต่อมิอะไร ก็แม่นยำมากๆ ไม่รู้ว่าทำได้ไง ? เก่งโคตรๆ

.......................My name is Kim เป็นคอนเสริทล่าสุดของเจ๊คิ้ม ที่ว่ากันว่า ลงทุนเปิดบริษัทจัดคอนเสริทของตัวเองกันเลย แบบว่าปีกกล้าขาแข็งเต็มที่แล้ว และคอนเสริทนี้ก็ถือว่าจัดได้อย่างยอดเยียมเหลือเชื่อ เผลอๆดีกว่าเจ้าอื่นที่จัดกันเสียอีก !! ตอนเห็นแผ่นดีวีดี ราคา 239 บ. ก็ยังคิดๆอยู่นะว่าแพงไปหรือเปล่า แต่ก็ตัดใจซื้อ เพราะปกติชอบเจ๊คิ้ม แล้วคอนเสริทเก่าๆก็สนุกดี แม้ชุดที่แล้วจะแป๊กๆไปสักนิดก็ตาม แต่พอได้ดูเต็มๆก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าเงินสุดๆ ไม่แพงเลยครับ เพราะคอนเสริทสนุก และน่าประทับใจมากๆๆ เจ๊คิ้ม ดูผ่อนคลายลงไปเยอะ เล่นเป็นตัวเองสบายๆ จริงๆคอนเสริทแรกของคิ้ม น่าจะดีที่สุด แต่คิดว่า ตอนนั้นเจ๊คิ้มคงจะเกร็งมากไป ซ้อมมากไป จนคอพังอย่างที่เขาบอก เสียงเพลงของคิ้มในคอนเสริทนั้น ( สโนว์คิ้ม ) เลยดรอปลงไปมาก ความประทับใจเลยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่สคริป และแขกรับเชิญในคอนเสริทนั้นถือว่าสุดยอด !!

.......................เสียดายอย่างเดียวก็คือ ทุกคอนเสริทของคิ้ม เดาว่าคงติดเรื่องลิขสิทธิเพลง เพราะไม่รู้ว่าเจ๊แกมีกี่ค่ายกันแน่ เพลงเก่าๆที่ฮิตๆของแก เลยแทบจะไม่ได้โผล่มาอยู่ในคอนเสริท เลยสักครั้งเดียว อย่างมากมีเพลงฮิตก็แค่เพลงสองเพลง เดาว่า แกอาจจะร้องในงานนะ แต่ตัดลงแผ่นไม่ได้ ? อย่างไรก็ดี งานนี้ my name is kim ถือว่ารวมเพลงเพราะมากๆๆหลายๆเพลงเอาไว้ และเป็นเพลงที่เจ๊คิ้ม ร้องได้ดีแทบทุกเพลงครับ ต้องชื่นชมคนจัดคิว คนเลือกเพลง คงเรียงเพลง ที่สำคัญที่สุดก็คือตัว เจนนิเฟอร์ คิ้ม ที่ถ่ายทอดบทเพลงต่างๆออกมาได้อย่างรื่นรมย์ ฟังเพลินหู ดูแล้วสบายตา ชอบมากๆๆเลยครับ ทุกๆเพลงที่ร้อง แม้ว่าบางเพลงจะไม่เคยได้ยินก็ตาม ? ช่วงทอล์คโชว์บนเวทีก็ครื้นเครงตลอด แขกรับเชิญที่คัดเลือกมาก็ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ แม้เกือบทุกคนจะไม่ใช่นักร้องอาชีพ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเอาหน้าตามาขายอย่างเดียว คิ้มคัดเลือกฝีมือขึ้นมาประชันด้วย

.......................คอนเสริทของคิ้ม คิดว่าคงจะมีจัดได้อีกต่อไปอีกนานแสนนาน เพราะผมเชื่อว่า เจนนิเฟอร์ คิ้ม เป็นนักร้องตัวจริงเสียงจริง หนึ่งในไม่กี่คนในประเทศนี้ ที่เอนเตอร์เทนคนดูเก่งมากๆๆ ไปนั่งดูในฮอลล์ ก็ประทับใจ หรือจะหยิบมานอนดูแผ่นคอนเสริทที่บ้านก็คุ้ม ฟังได้ไม่เบื่อ ฟังก่อนนอนก็ดี ฟังตอนเครียดๆก็ไม่เลว ฟังกับเพื่อนๆร่วมกับคนในครอบครัวก็ยิ่งประทับใจ ตัวคิ้มเองก็พูดในช่วงเบื้องหลังเลยด้วยซ้ำว่า เค้าตั้งใจทำ ตั้งใจร้อง และตั้งใจให้คอนเสริทของเค้า เป็นอะไรที่อยู่ในห้องนอนทุกๆคน อยู่ในห้องรับแขก เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ฟังร่วมกัน คือเขารู้อยู่แล้วว่า ถึงคนไม่ไปดูคอนเสริทเค้า ก็ต้องซื้อแผ่นเค้า ?? ที่น่ารักกว่านั้นคือ เขาไม่พยายามที่จะโปรโมทให้ซื้อแผ่นแท้ เลี่ยงแผ่นเทียมแต่อย่างใด คือ ผมเดาว่า เจ๊คิ้มคงรู้ว่าแฟนๆเจ๊ คงมีน้อยคนมากที่จะไปซื้อแผ่นผี เพราะส่วนใหญ่คนก็รักแก และรู้ว่าซื้อแผ่นแกยังไงก็คุ้ม แกเลยไม่ต้องมาเชียร์ให้คนอื่นซื้อแผ่นแท้ หลีกเลี่ยงแผ่นผีแต่อย่างใด เผลอๆรายได้จากการขายแผ่นจะรับเละกว่าออกคอนเสริทไม่รู้กี่เท่า ??

http://www.pandagroup.pantown.com/



วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

~ นอนไม่หลับเฉยเลย ตื่นเต้นแทนพี่เจ้ย ที่คว้าปาล์มทอง ที่คานส์ ฯ ~

.......................เมื่อค่ำวานนี้เห็นภาพข่าว พี่เจ้ย หรือ ผกก.อภิชาติพงษ์ วีระเศรษฐกุล ขึ้นไปรับรางวัลปาล์มทอง หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในเทศกาลหนังเมืองคานส์ แล้วก็อดดีใจ ปลื้ม ระคนทึ่ง และชื่นชมไม่ได้ครับ คือมันเป็นอะไรที่สุดยอดแล้วครับ ประกาศความเป็นผู้กำกับระดับโลก เหนือกว่าผู้กำกับคนอื่นๆ ทั้งๆที่ผกก.หลายท่านๆที่มีหนังเข้าชิงปาล์มทองปีนี้ ก็ระดับ เก๋าโคตรๆ เก๋าเทพ กันแทบทุกคน แต่ก็ยังเอาชนะไปได้ ? พูดก็พูดเหอะ แค่ทำหนัง ได้ฝ่าฟันเหนือหนังเรื่องอื่นๆหลายพัน หลายหมื่นเรื่อง เข้าไปชิงรางวัล ในสายการประกวดหลัก ก็ถือว่า เจ๋งสุดๆแล้ว แต่นี่ถึงขนาดได้รางวัลใหญ่ที่สุดมาเนี่ย ไม่ซูฮก ไม่ตื่นเต้น ก็บ้าแล้วครับ ~

.......................เมืองไทยชอบเอาเทศกาลหนังเมืองคานส์มาล้อเล่น แล้วก็ชอบโปรโมทมั่วๆว่า หนังเรื่องโน้น เรื่องนี้ได้ไปเมืองคานส์ แต่จริงๆก็คือส่วนใหญ่ที่ว่าไปเมืองคานส์ คือเอาไปขายหนังที่เมืองคานส์นะครับ ไอ้ที่ได้ไปประกวดจริงๆ หรือเค้าเชิญให้ไปร่วมการประกวดจริงๆ มีแค่ 3 - 4 เรื่องเท่านั้นเองครับ !! แล้วหนังหลายต่อหลายเรื่องที่มีใบช่อมะกอก ว่าได้เข้าร่วมเทศกาลโน้น เทศกาลนี้ หรือแม้แต่บอกว่า ได้ร่วมเทศกาลหนังดังมาแล้วทั่วโลก ก็มีแค่ไม่กี่เรื่องนะครับ ที่เป็นหนังระดับชิงรางวัลเทศกาลหนังใหญ่จริงๆ เพราะเทศกาลหนังกะโหลกกะลาก็มีเยอะแยะไปหมด ? ขนาดเมืองไทยเท่าที่นับได้ก็ยังมีหลายเทศกาลเลย ทั้งเทศกาลหนังกรุงเทพ , เวิลด์ฟิล์ม ,ภูเก็ต ฯลฯ

.......................เทศกาลหนังเมืองคานส์ นอกจากจะได้รับการยอมรับว่าเป็นเทศกาลหนังที่ใหญ่และดังที่สุดในโลกแล้ว ยังถูกตีตราว่าเป็นแหล่งที่รวบรวมหนังอาร์ตของโลกไว้มากที่สุด !! เพราะหนังแทบทุกเรื่องที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาจัดฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ เป็นหนังที่ได้รับการพิสูจน์และการประเมิณคุณค่าแล้ว ว่ามีความเยี่ยมยอดในเชิงคุณค่าทางศิลปะ ซึ่งบางครั้งอาจจะสวนทางกับความบันเทิง และการยอมรับจากมหาชน หรือบางครั้งก็แปรตาม ยากที่จะระบุได้ !! การคว้ารางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 ที่ชาวโลกเค้าเรียกว่า " Palm d'Or " หรือ ปาล์มทองเนี่ย คือที่สุดของที่สุดแล้วครับ ภาพยนตร์โลกในรอบปี ไม่มีเจ๋งกว่านี้อีกแล้ว ?

.......................ขนาดมีฝีมือได้รับการยอมรับไปทั่วโลกแบบนี้ ไอ้พวกควายๆในกระทรวงที่ดูแลวัฒนธรรม หรือข้องเกี่ยวกับภาพยนตร์ ในประเทศนี้ ยังเคยตราหน้า ปรามาส หนังของพี่เจ้ยว่า เป็นหนังที่ไม่มีคุณค่าทางศิลปะเล้ย ? ทั้งๆที่ไอ้คนพูด มันไม่ได้มีความรู้เรื่องศิลปะอะไรสักนิด แต่เสือกไปบริพาษเค้า !! คิดดูว่าหนังที่ได้รับการยกย่องว่าติดหนึ่งในร้อยหนังยอดเยี่ยมของโลก บางสถาบันจัดให้เป็นอันดับ 1 อย่าง แสงศตวรรษ กลับโดนปู้ยี้ปู้ยำ เซนเซอร์กระจายในบ้านเรา ? มันเพราะอะไรครับ ? คือมึงสร้างสรรค์ศิลปะไม่เป็น มึงก็ไม่ควรมาทำลายใช่ใหม ไอ้สาดดด !! ก็ได้แต่หวังว่า ผลพวงจากรางวัลปาล์มทอง จะทำให้วงการหนังนอกกระแสไทย ได้ลืมตาอ้าปาก ได้มีช่องทางในการเผยแพร่ และมีโอกาสเติบโต ได้มี คุณเจ้ย 2 - 3 - 4 ต่อไปอีกหลายๆคนด้วยเทอญ ~

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

** หยุดยาวกรุงเทพจลาจล ได้ทำอะไรกันบ้างเอ่ย ? **

.......... หยุดยาวกันแบบนี้ ใช้วันหยุดกันคุ้มหรือเปล่าครับ ? ไม่รู้ว่าคุณๆคนอืนๆได้หยุดกันคนละกี่วัน ได้หยุดมาก ได้หยุดน้อย หรือไม่ได้หยุดกันบ้างหว่า ( ไม่น่าจะมีนะ ) อย่างที่ทำงานผมนี่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลย เพราะให้พนักงานหยุด ปิดร้านกันแบบยาวเหยียดถึง 8 วันเต็มๆ พรุ่งนี้ถึงจะได้ไปทำงาน ซึ่งก็คงไม่ได้ทำงานเต็มตัวหรอกครับ คงต้องเป็นวันจันทร์โน่นเลย นี่ถ้ารู้มาก่อน คงจะมีการจัดการพาทัวร์พนักงานทั้งบริษัท หรือทั้งแผนกกันแล้ว แต่นี่คือไม่รู้ไง ก็เลยกลายเป็นว่าทุกคนต้องแสตนด์บาย พร้อมทำงานตลอดเวลา นึกว่าจะจบเร็ว แต่ที่ใหนได้ จบช้า เล่นเอาหลายคนเซ็งกันไป ผมเองก็เซ็งกว่า เพราะคิดว่าจะหยุดเต็มที่ก็แค่ สองสามวัน ไม่งั้นก็คงจะ แพลนไปบ้านที่เชียงรายช่วงนี้ไปแล้ว จะทำให้ประหยัดวันหยุดพักร้อนได้เยอะเลยล่ะครับ

.......... สัปดาห์ที่ผ่านมา แทบไม่ได้ไปเที่ยวใหนเลยครับ อยู่แต่ในบ้าน เก็บเนื้อเก็บตัว กลัวโดนกระสุน และระเบิดเอ็ม 79 เว่อร์ๆๆๆ อิอิ จริงๆอยู่ตั้งชานเมือง ใครจะมายิงเนอะ ก็ไม่ได้ไปใหน เพราะว่าไม่ค่อยมีกะตังน่ะครับ ก็เลยอยู่แค่แถวๆบ้าน ประหยัดแก๊ซ ประหยัดตัง ประหยัดพลังงาน ไม่ได้ออกไปดูหนังด้วย เช่าหนังมาดู แล้วก็ดูหนังแผ่น ดูคอนเสริท ที่ซื้อๆมาจากพม่า แม่สาย ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาครับ ดูหนังอะไรไปบ้างหว่า Tell Tale หนังเขย่าขวัญ เปลี่ยนหัวใจ สนุกพอประมาณครับ เป็นหนังอินดี้ที่ถ้าปรุงแต่งอีกนิด น่าจะมันส์มากๆๆ ได้ยินว่ามีคนเตรียมรีเมคแล้ว / 9 หนังการ์ตูนผู้ใหญ่ ก็พอดูได้เพลินๆ แต่ไม่มีอะไรน่าจดจำ / Brother หนังดราม่าเข้มข้น สงคราม แต่อ่อนไปนิดในแง่ความสัมพันธ์ ระดับนายร้อย จริงๆจิตใจน่าจะเข้มแข็งกว่าที่เห็นในหนัง

.......... Dorian Gray หนังพีเรียด แนวทริลเล่อร์ ก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เนื้อหาโบราณไปนิดนึง ไม่มีจุดอะไรน่าตื่นเต้น นึกว่าจะมีความรุนแรงหรือโหดกว่านี้ซะอีก เฮ่อ / Treeless Mountain ถือว่าน่าผิดหวังที่สุดในหนังชุดนี้ ด้วยความที่หนังเล่าแบบสารคดี นิ่งเนิบ แช่กล้อง ไม่มีการเร่งเร้าอารมณ์อะไรเลย เนื้อหาน่าจะบีบรันทด กดดันคนดูได้ดีกว่านี้ แต่เท่าทีเห็นมีแต่ อิริยาบทธรรมดา แบบชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกน่าเบื่อหน่ายมากมาย ไม่รู้ว่าทำไมนักวิจารณ์และคอหนังหลายคนถึงได้ชื่นชมจัง งงมากๆๆ ดูคอนเสริทอะไรอีกหว่า ? บี้ รักมากมาย ดูเพลินๆดีครับ บี้ถือว่าเอนเตอร์เทนคนดูเก่งพอใช้ได้ ท่าเต้นเลิศ แต่เสียดายลิปซิงค์ / คอนเสิรท ปั่น ชรัส สองผู้ยิ่งใหญ่ ค่อนข้างประทับใจครับ เพลงเพราะ เอนเตอร์เทนดี บรรยากาศอารมณ์ร่วมใช้ได้เลย

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

~ พากันไปทาน ซิสเล่อร์ อีกแล้ว ~

...... เมื่อบ่ายๆเบื่อๆ ไม่รู้จะไปใหน เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ก็เลยหยุดยาวมาสีวันแล้ว พรุ่งนี้ไม่แคล้วจะได้หยุดต่ออีกวัน แล้วก็อีกวัน เหวอ เหวอ เหวอ ใครจะคิดว่าจะต้องหยุดงานนานขนาดนี้ นี่ถ้าไปทำงานวันแรก คงต้องไปแก้ใบลากันอีก เพราะเดิมทีกะว่าจะลาวันพฤหัส ถึง เสาร์ แต่นี้คงจะไม่ต้องลากันแล้ว เพราะหยุดจนหายเหนื่อย หายเบื่อแล้ว เจนนี่ทำหนมจีน น้ำยาปลานิล กะจะเอาไว้ทาน แต่ยังไม่ได้ทานกัน เหนื่อยๆ เบื่อๆ ไม่ได้กินซิสเล่อร์นานแล้ว เลยชวนกันไปทานที่ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต ดีกว่า ออกจากบ้าน โห้ ฟ้าครึ้มมาเชียว ปรากฏว่าแถวๆ รังสิตฝนตกหนัก เล่นเอาเซ็งไปเหมือนกัน บรรยากาศน่านอนอยู่บ้านมากกว่าออกไปใหนมาใหน

...... ไปถึงก็แวะเดินหาร้านมือถือ เจนนี่เขาจะซื้ออุปกรณ์มือถือ แต่ยังหาไม่เจอ ก็เลยไปหาของกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว วันนี้ที่ซิสเล่อร์ คนเยอะมากๆๆๆ มากผิดปกติ สงสัยคนไปกินในเมืองไม่ได้ เลยออกมากินแถวรังสิตกันหรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือว่าจะเป็นเพราะนี่เป็นช่วงวันหยุดยาวก็ไม่ทราบได้ !! ยังดีที่ไม่ต้องรอคิวทาน แต่ได้ทำเลไม่ดีเท่าไหร่ ต้องนั่งมุมร้านด้านในโน่นเลย ก็กินอาหารชุดเดิมครับ สลัด + ปลาทอดกรอบ ส่วนเจนนี่สั่ง สลัด + ไก่ อะไรสักอย่าง ชุดละ 169 บาท แล้วก็ออกไปเดินตัดสลัด กับซุปอร่อยๆ งานนี้ก็ตักกิน เดินตัก สลับไปสลับมาอยู่หลายรอบ ทานกันจนพุงปลิ้น อิ่มมากๆๆๆๆๆ อร่อยเหมือนเดิม เก็บภาพมาฝากนิดๆหน่อยครับ

http://www.pandagroup.pantown.com/
















วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

++ ภาพความโหดเหี้ยมจากการสลายม๊อบ หน่วยกู้ชีพ กลายเป็นศพ เลือดแดงฉาน ++

....... เหตุการณ์เกิดใกล้ๆที่ทำงานของผมเอง เพื่อนที่ทำงานก็เลยเป็นคนเก็บภาพนี้มาได้ พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ ที่อ่านแล้วสลดหดหู่เป็นยิ่งนักครับ

เอามาฝากให้ชมสักภาพสองภาพน่ะครับ

ก่อนที่จะบันทึกภาพนี้ จากปากซอยรางน้ำ ทหารหาญ เอ๊ย...ทหารเหี้ย มันยิงกราดใส่ประชาชนตั้งแต่บ่าย4โมง ยิงมาทีไรก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บทุกครั้งไปรถพยาบาลวิ่งกันหลายรอบ หลังจากไม่ได้ยินเสียงปืนที่หยุดไปไม่นาน แต่จู่ ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง น้องพยาบาลกู้ชีพคนนี้ที่เสียชีวิตวิ่งหนีจนเกือบจะหลบเข้าที่กำบังได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่รอดการประหัถประหารจากทหารเหี้ย...ม และมีน้องอีกคนวิ่งเข้าไปช่วยก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสเข้าที่ท้อง ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้อาการเป็นตายเช่นกัน

กว่าจะช่วยกันลากศพเข้ามาที่ปลอดภัยได้ต้องรอเสียงปืนสงบเกือบ10กว่านาทีที่โดนยิงรัวเข้าใส่ เพราะผมเองก็โดนยิงสะกัดอยู่มุมตึก เกือบเอาตัวไม่รอดเช่นกัน ปรากฎว่าภาพที่เห็นคือโดนยิงจากท้ายทอยทะลุถึงหน้าอกเป็นรู (ไหนแมร่งบอกว่ายิงระดับหัวเข่า เวรจริง) และที่สำคัญคือน้องเค้าคือใคร ผู้ก่อการร้ายที่ไหนหรือ หน่วยกู้ชีพจากวชิระพยาบาลที่คืนนี้ไม่สามารถกู้ชีพตัวเองคืนมาได้

นี่คืออีกหนึ่งศพที่มรึงต้องรับผิดชอบ ไอ้เหี้ยมาร์ค !!!



จากช่วงเวลาสี่โมงเย็นเกือบทั้งตลอดคืนที่ผ่านมาตรงสามเหลี่ยมดินแดง ผมยังไม่เจอผู้ก่อการร้ายหรือประชาชนคนไหนมีอาวุธหนักเลย อาจมีบ้าง ขวดลิโพ ไม้ ก้อนหิน แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือการเหนี่ยวไกใส่ประชาชนแบบไม่ยั้งหลายครั้งมาก พยาบาลอาสาน้องคนนี้มีอาวุธไหมครับ

มรึงอย่างบอกน่ะ ว่า ว. เป็นอาวุธ!!!



ขอให้คุณบุญทิ้ง ปานศิลาไปสู่สุคติครับ

Up Dateเพิ่มเติมครับ อีกหนึ่งน้องที่เข้าไปช่วยคุณบุญทิ้ง แล้วโดนยิงเข้าที่ท้อง ตอนนี้ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากญาติน้องเค้าว่า เสียชีวิตแล้วครับ ศพอยู่ที่รพ.ราชวิถี ชื่อจิตติพันธ์ ขันทด อายุ 26 ปีครับ



ผมไม่ได้บันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวหรือคลิปใด ๆ เพราะช่วงสาดกระสุนมาจากทหารบนสะพานลอยมันน่ากลัวมาก แต่การตายของน้องคนนี้ถูกบันทึกเป็นความทรงจำด้วยสายตาตัวเองที่ล้มลงต่อหน้าต่อตา และน้องผู้ชายอีกคนที่เข้าไปช่วยดึงก็โดนยิงล้มลงไปด้วยและไปเสียชีวิตที่รพ.อย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว นี่คือความจริงที่สื่อหลักของไทยไม่เล่นข่าว เพราะอะไร ทำไมต้องให้สื่อรองอย่างผมนำเสนอความจริง

ทีสัญลักษณ์กาชาดนั่นเสนออย่างต่อเนื่อง บุกรพ.จุฬาเสนอข่าวไปหลายวัน แต่นี่ทหารยิงพยาบาลจากวชิระ ถือว่าผิดสัญญาสงครามเจนีวาได้น่ะ

ลงภาพเท่านี้ล่ะกันน่ะครับ

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

*** BROKEN EMBRACES .... อ้อมกอดนั้น ไม่มีวันสลาย ***

Broken Embraces ( อ้อมกอดนั้นไม่มีวันสลาย ) .... สามดาว ....

.......................เห็นโปสเตอร์ใบปิดหนังเรื่องนี้ใหมครับ ถ้ายังก็เหลือบไปดูด้านล่างนะ อาร์ตใหมครับ ? จริงๆหนังของเจ้าป้า เปโดร อัลโมโดวาร์ ก็ถูกตีค่าเป็นหนังอาร์ต ประจำอยู่แล้วละครับ คงเพราะว่าได้ผูกปีไปฉายเมืองคานส์จนเป็นประเพณี ใครๆก็ต้องคิดว่าเป็นหนังอาร์ตจ๋า สไตล์การกำกับภาพ และงานกำกับศิลป์ของหนังเจ้าป้า ก็ฉูดฉาด หวือหวา เป็นลายเซ็นป้าแกไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อเจ้าป้า ระบุไว้ในเครดิตหนัง ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ชอบดูหนังนอกกระแสส่วนใหญ่ก็น่าจะเดาได้ว่านี่คือหนังของ เจ้าป้าเปโดร !! เพราะไม่ใช่แค่งานภาพที่บ่งบอก แต่ความเป็นเปโดร มันอยู่ในแทบทุกอณูของภาพยนตร์เจ้าป้า ไม่ว่าจะมุมกล้อง เรื่องราวของตัวละคร เสน่ห์ต่างๆของบุคลิกตัวละคร ฯลฯ แม้จะมีความเฉพาะตัวอย่างสูง แต่หนังของ ผกก.อัลโมโดวาร์ ทุกเรื่องนั้นสนุกเหมือนหนังตลาดครับ คือมีความบันเทิง และเข้าถึงได้ง่าย เพียงแต่มันเป็นหนังต่างประเทศ ก็เลยทำให้ง่ายต่อการโดนจับย้ายกลุ่มไปเป็นหนังอาร์ต หรือหนังนอกกระแสหลัก ??

.......................Broken Embraces เป็นหนังที่ถือว่ามีของดีอยู่ในตัวเยอะ แล้วก็เป็นหนังที่เล่นท่ายาก กะเอาคะแนนสูงๆกันเลยทีเดียว จริงๆหนังเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมาและใสซื่อมากๆนะครับ เพียงแต่ว่าหนังมันมีตัวละครค่อนข้างเยอะ มีเรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อน แถมยังเล่าแบบตัดสลับช่วงเวลา นอกจากนั้นยังมีลีลาของหนังซ้อนหนังอีกต่างหาก !! หนังเรียกร้องการความสนใจให้คนดูตั้งใจดูพอสมควร แต่ถ้าตั้งใจดู คือรับประกันได้ว่า ดูรู้เรื่อง เข้าใจทั้งหมดแน่นอน เพราะ อัลโมโดวาร์ เล่าเรื่องง่ายๆ ไม่ชวนให้สับสน ทั้งๆที่เนื้อหาชวนให้งุนงงได้ไม่ยาก ? แล้วการเล่าหนังฟิล์มนัวร์ ให้ออกมาสนุกๆ ดูตื่นเต้นเนี่ย มันทำได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะครับ !! ส่วนใหญ่หนังฟิล์มนัวร์อื่นๆทั่วไปมันมักจะดาร์ค แล้วก็มืดหม่นเกินไป แต่นัวร์ของ อัลโมโดวาร์ ดูสนุกและไม่ร้ายลึกจนเกินไปนัก ? คือแม้ว่าตัวละครจะออกแนวหญิงร้ายชายเลว ตามสูตรหนังนัวร์ทั่วไป และเป็นหนังนัวร์สไตล์อัลโมโดวาร์ ไม่ต่างจากนัวร์อื่น แต่หนังก็มีอารมณ์ตลกร้ายเจือปนอยู่มาก ~

.......................พระเอกในหนังเรื่องนี้ก็ทำงานเป็น คนเขียนบทภาพยนตร์ตาบอด ซึ่งเคยเป็นผู้กำกับหนังมาก่อน รวมถึงในหนังก็เล่าถึงแวดวงการทำงานภาพยนตร์หลายอย่างทั้งด้านเขียนบท ขั้นตอนการถ่ายหนัง และรวมถึงเบื้องหลังของการถ่ายหนัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ตัวละครตัวอื่นในหนังก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ !! ผมเดาผิดแทบทุกอย่างในหนัง เพราะโดยมาก หนังส่วนใหญ่ช่วงหลังๆมักจะหักมุมแบบว่า เรื่องราวที่ตัวละครเล่าเป็นเรื่องหลอก หรือว่าภาพฝันของตัวละคร แต่เรื่องนี้ ตัวละคร และเหตุการณ์เกือบทั้งหมดในหนังเป็นเรื่องจริง เขาพูดจริง แต่พูดไม่หมด ? และความลับทั้งหมดที่หนังค่อยๆเปิดเผยออกมาช้าๆนี่แหละ ที่ทำให้เรา อึ้ง ทึ่ง เสียว ตื่นตะลึงกันได้ไม่หยุดไม่หย่อน โดยเฉพาะไคลแมกซ์ช่วงท้ายๆ เล่นเอาลุ้นยังกะดูหนังแอคชั่นมันส์ๆกันเลยทีเดียว !! ขอบอกว่าสำหรับคนดูหนังที่ชอบชิมหนังรสชาติแปลกๆใหม่ๆที่ไม่ซับซ้อนและดูไม่ยากเกินไป แถมยังดูเพลินๆตลอดทั้งเรื่อง ลองหยิบหนังสเปนของ อัลโมโดวาร์ มาชมครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

- Stepfather & Percy Jackson and The Lightening Thief & Zombieland -

Stepfather ( พ่อเลี้ยงโหดโคตรอำมหิต ) สองดาวครึ่ง

...................หนังเกือบๆเกรดบีนะครับ ของค่ายสกรีนเจมส์ ไม่แน่ใจว่าได้ลงโรงฉายที่เมืองนอกหรือปล่าว หรือจะเป็นหนังแผ่นออกตลาดล่างเลยก็ไม่ทราบ ? แนวทริลเล่อร์ คุณพ่อเลี้ยงโรคจิต หนังใช้ดารานักแสดงหน้าไม่คุ้นกันเลยทั้งเรื่อง ซึ่งก็เล่นได้ตามมาตรฐานของหนังแนวนี้ ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำ หรือไม่มีอะไรหวือหวา น่าตื่นเต้นอะไรมากมาย แต่ก็ยังไม่ถึงกับน่าเบื่อหน่ายชวนง่วงแต่อย่างใด ? หนังเล่าแบบตามสูตรสำเร็จทุกประการ มีฉากที่ชวนให้คนดูนึกถึงฉากภาคบังคับของหนังแนวนี้ ทำให้ผมนึกถึงหนังอย่าง Scream ที่ตัวละครในหนังชวนกันดูหนังสยองแล้วก็คอยพากษ์ว่า เฮ้ย ทำไมมืงทำอย่างน้านนน ทำไมมืงไม่หนีไปทางโน้น ฯลฯ

Percy Jackson and The Lightening Thief ( สองดาวครึ่ง )

...................หนังเด็กที่พอดูได้เพลินๆครับ เหมือนแนวผสมระหว่าง Narnia กับ Harry Potter ที่มาในบังเหียนของ Chris Columbus ผู้กำกับ Home Alone มาตรฐานของผู้กำกับคนนี้ก็ไม่สูงจนเรียกเทพ แต่ก็ไม่ได้ต่ำต้อยติดดิน ด้วยความที่พี่แกทำหนังเด็กๆมาเกือบทั้งชีวิตแล้วมั้ง ? ดาราใหม่ที่เล่นเป็นพระเอกนางเอก ถือว่ามีหน้าตาหล่อสวย โดนใจวัยรุ่นครับ ส่วนดาราดังๆเก๋าๆที่มาเล่นบทสมทบก็ชวนให้เซอร์ไพร๊ซ์ได้พอประมาณอยู่ครับ โดยเฉพาะ เจ๊อูม่า กับบทเมดูซ่า ( อย่างฮา ) เทคนิคพิเศษโดยรวมในหนังก็ถือว่าทำได้น่าตื่นตาสมมาตรฐานหนังฉายโรงหนังครับ ถ้าไม่คิดอะไรมาก แล้วก็ไม่ติดขัดอะไรกับสไตล์การเล่าเรื่องแบบหนังเด็กๆ ติดแฟนตาซีนิดๆ ก็น่าจะนอนดูหนังได้อย่างเพลิดเพลินใจพอประมาณครับ ~

Zombieland ( สามดาวครึ่ง )

...................เกินความคาดหมายไว้เยอะครับสำหรับเรื่องนี้ ที่หยิบขนบหนังซอมบี้ออกมาฉีกกฏ แล้วก็แหกขนบซะฮากันแบบไม่บันยะบันยัง ? หนังเล่าเรื่องแบบโร๊ดมูวี่ มีตัวละครหลักสี่ตัว ที่นำแสดงโดยวู๊ดดี้ ฮาเรลสัน แล้วก็น้อง อบิเกล เบรสลิน ออกเดินทางไปผจญภัยซอมบี้ หนังทั้งโหดและฮาในเวลาเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ !! ผมชอบมากเลยที่เขาหยิบยกเอา กฏข้อต่างๆที่เราจะทำเพื่อเอาตัวรอด ถ้าเกิดซอมบี้ครองโลก ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง บอกมาเป็นข้อๆ แล้วก็หยิบเอามานำเสนอให้เราได้ฮาว่า เออ จริงของมันเว้ย !! หนังกวนตีนมาก แต่ก็ทำให้คนดูสะเทือนใจได้เป็นพักๆ แถมเซอร์ไพร๊ซ์หลายๆอย่างในหนังผมว่าทำได้โดนใจดี แล้ว บิล เมอร์เรย์ กวนโอ๊ยมากๆๆๆๆ Ghost Busters แบบว่าอย่างฮา ... ทำไปได้ ??