วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เฮ้อ เงินเดือนเกิน 5 แสนต่อปี เจอภาษีร้อยละ 15 !!

............ ความรู้ใหม่ มิน่าทำไมเดือนก่อนเจอภาษีเข้าไป 12250 บาท ก็ยังตกใจเลยเราไม่ได้เงินเดือนเป็นแสนสักกะหน่อย ไฉนภาษีถึงได้สูงปรี๊ดขนาดนั้น มารู้ทีหลังน้องที่ทำงานเค้าเฉลยว่า ถ้าเงินเดือนไม่เกินสองแสนไม่เสียภาษี เกินสองแสนไม่เกินห้าแสน เสียร้อยละ 7 โดยปะมาณ ถ้าเกินห้าแสน เจอภาษีร้อยละ 15 สงสัยที่ทำงานเค้าจะคำนวณเอาไว้ว่าเราเริ่มจะเกินห้าแสนแล้ว ก็เลยคำนวณเรตใหม่มาให้เลย จะได้ถัวเฉลี่ย ไม่ต้องไปเสียภาษีเพิ่มตอนช่วงปลายปี กะเอาให้พอดี แต่ยังไงก็เกินอยู่แล้วล่ะ คงจะเคลมได้คืนอีกตามเคยเพราะปีนี้ได้ลดหย่อนมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะลูกอีกคน หรือว่าประกันชีวิตที่ทำเพิ่มไว้อีกหลายตัว น่าจะได้เงินคืนเป็นหมื่นอยู่ แต่ก็คงไม่ถึงครึ่งของภาษีที่เสียไปอยู่ดีแหละครับ ปีก่อนเสียไปสักสองหมื่นกว่า ๆ แต่ปีนี้น่าจะเพิ่มอีกพอสมควร เบ็ดเสร็จน่าจะเสียไม่ตำกว่าสามหมื่นนะครับคิดว่า นึกแล้วก็เสียดายเงินภาษีเหมือนกัน เอาไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉก ซื้อกล้องปลอมบ้าง อะไรบ้าง ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงมือประชาชน คนในประเทศ จะโดนหักโดนชักไปอีกสักเท่าไหร่ ท่านอื่นๆที่รายได้น้อยก็นับว่าโชคดีไปไม่ต้องเสียภาษี ท่านที่รายได้เพิ่มขึ้นมาหน่อยก็ต้องเสียสละเพื่อคนหมู่มาก ถ้าท่านได้เงินเดือนเยอะมาก ท่านก็จะต้องโดนหักภาษีมากเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ก็นับว่าสมน้ำสมเนื้อกันดี หรือว่าไงครับ

www.pandagroup.pantown.com

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

- เพื่อนเก่าสมัยเรียนแวะมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน -

.... นานๆอัพบล็อคที ช่วงนี้ชีวิตยุ่งๆนิดหน่อย เดือนนี้เดือนหน้าเดือนโน้นก็คงยุ่งมากขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นแล้ว แถมที่ทำงานมีเค้าว่าจะต้องจัดร้านกันใหม่อีกด้วย อาจจะมีการต้องอยู่โยงกันตอนดึกๆ ไม่อยากจะคิดเลย เพราะเวลานอนก็มีน้อยอยู่แล้ว เดือนก่อนก็สายไปเยอะ ต้องพยายามไปถึงที่ทำงานให้ไวขึ้นก็อาจจะต้องเสียเวลาออกบ้านให้ไวขึ้นอีก จะได้ไม่ต้องไปทำงานสายกัน อาทิตย์ก่อนเพื่อนเก่าสมัยเรียนแวะมาเยี่ยมที่บ้านไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีแล้ว ก็เลยต้องคุยระลึกความหลังกันสักหน่อย โพสคลิปจัดเต็มไว้ในยูทูปแล้ว ตามไปดูกันที่เวปได้นะครับ ก็ดีใจ เห็นว่าเจ้าดอล ติดใจ พรุ่งนี้จะพาเด็กมาปาร์ตี้ ก่งก๊ง กันต่ออีกรอบ หมดรอบนี้คงต้องอีกนานแล้วล่ะครับเพราะไม่ไหว สังสรรค์บ่อยๆ เราเองก็กรอบด้วย เพราะต้องดื่มเป็นเพื่อนเค้า แต่ก็พอมาดูคลิปย้อนหลังแล้วก็รู้สึกฮาตามไปอีกรอบครับ คุ้มจริงๆถ่ายคลิปนี่ หลงนึกว่าภาพถ่ายมีประโยชน์อยู่นาน แต่พอมาดูคลิปแล้ว นึกเสียดายที่ปาร์ตี้ก่อนๆไม่เคยถ่ายคลิปเอาไว้เลย ถ้ามีคงจะเป็นการบัน่ทึกความทรงจำที่ดีอย่างแน่นอน ขอบคุณคลิปวีดีโอ ขอบคุณเทคโนโลยียูทูป ที่พัฒนาและทำให้โลกและชีวิตดูง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยครับ

www.pandagroup.pantown.com





วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

~ เพราะชีวิตไม่แน่นอน เลยตัดสินใจทำประกันอีก 2 กรมธรรม์ ~

........... ถ้ามองย้อนกลับไปสักสิบหรือยี่สิบปีก่อน ตัวเองเป็นคนต่อต้านการทำประกันชีวิตมากมาย เพราะรู้สึกว่าเป็นการเอาเปรียบแถมคนที่ขายประกันก็เขี้ยวและได้ประโยชน์จากเราเยอะมาก แต่พออยู่ไปนานๆ ชีวิตก้าวข้ามผ่านพ้นวัยไปในระดับหนึ่งก็จะเริ่มรู้สึกอยากออมเงินผ่านระบบประกันชีวิต อีกทั้งเป็นหลักประกันให้ครอบครัวเราด้วย แต่ก็ยังหาประกันตัวที่ถูกใจไม่ได้ ตอนที่เท่าที่ทำก็มีแค่ประกันเด็ก ประกันสี่โรคร้ายแรงที่ทำรวมประกันชีวิตไปด้วยแต่วงเงินก็ไม่เยอะ แถมเป็นการจ่ายเงินแบบเสียเปล่า ไม่ได้อะไรคืนมา พอดีมีของอยุธยาเค้าโทรมาชวนทำประกันออมทรัพย์ระยะสั้น ทุนประกันไม่สูง แต่ดูผลประโยชน์แล้วก็โอเคอยู่ จริงๆก็ไม่ได้กะทำหรอก โทรไปปรึกษาพี่ตะวันเค้าก็สรุปว่าไม่น่าทำเพราะว่าวงเงินทุนประกันมันน้อย แถมผลประโยชน์ก็ไม่สูง ดีอย่างเดียวคือทำระยะสั้น สุดท้ายพี่แกเลยแนะนำของเอไอเอมา เป็นประกันออมทรัพย์ระยะยาวแบบ 20 ปี ทุนประกันสูง คุ้มครองสูง ก็เลยน่าสนใจ

............ จริงๆไม่อยากจ่ายแบบรายปีเลยนะ รู้สึกว่ามันก้อนโตเกินไป แต่สุดท้ายหลังจากคุยรายละเอียดพร้อมตัดสินใจก็เลยคิดว่าคงจะทำนั่นแหละ รอเงินเดือนสิ้นเดือนนี้ออกก็จะจ่ายไปเลย สรุปสองกรมธรรมป์ประกันชีวิตนี้ก็จะทำให้เราต้องเสียเงินรายปีขึ้นรวมกันหกหมื่นกว่าบาท เจ้านึง 36000 อีกเจ้า 28000 โดยประมาณ บวกกันดูเองละกัน เป็นเงินก้อนใหญ่เหมือนกันล่ะ ของอยุธยาดีหน่อยผ่อนจ่ายรายเดือนกับบัตรเครดิต แต่ของเอไอเอ ต้องจ่ายเงินก้อน พี่ตะวันแนะนำให้เปิดบัญชีแล้วออมเงินรายเดือนเอาเป็นค่าประกัน เพราะถ้าจ่ายรายสามเดือนหรือรายเดือน จะทำให้ต้องเปลืองเงินก้อนเพิ่มขึ้นอีก เพราะเค้าจะคำนวณค่าดอกเบี้ยมาด้วย จะไม่เท่ากับจ่ายรายปี จ่ายรายปีจะถูกกว่า ก็เลยเอาตามนั้นละกัน ใหนๆปีนี้จ่ายแล้วก็จะได้หักภาษีได้เลย ช่วงนี้รายได้ยังดีอยู่ ก็ไม่น่าห่วงอะไร แต่ห่วงอนาคตมากกว่าเพราะว่าเราไม่รู้ว่ารายได้ในอนาคตจะเท่ากับตอนนี้หรือเปล่า ถ้าไม่เท่าจะหมุนเงินกันอย่างไร คงเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันต่อไป แต่ถ้าเกินสองปี อย่างน้อยประกันก็มีมูลค่าสามารถยกเลิกสัญญาได้ เพียงแต่เงินที่ได้กลับมาถ้ายกเลิกสัญญาเร็วอาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

~ โอ้ว ยินดีกับท่านเจ้าลัทธิปิงปิง หนังได้ฉายประกวดเทศกาลหนังด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ ~

............ เพิ่งเห็นรายชื่อหนังในเทศกาลหนังสั้น ของคุณชลิดา เอื้อบำรุงจิต มีรายชื่อหนังท่านเจ้าลัทธิปิงปิง เรื่อง Redemtion อันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้กับซาตานของเจ้าลัทธิ ความยาวเกือบเก้าสิบนาที อันเป็นหนังทดลองแนวแปลก เล่าเรื่องซับซ้อนย้อนไปย้อนมา เชิงสูงแถมยังมีความเป็นแอบสตแรค สอดแทรกสัญลักษณ์มากมาย ต้องใช้ความพยายามในการดูและการตีความพอสมควร ไม่ใช่หนังตลาดๆไร้รสนิยมแบบพวกหนังห่วยๆของค่ายจีทีเฮช หลอกเด็กอมมือ เพราะงั้น ด้วยความเป็นหนังที่มีความเป็นศิลปะสูง และมีการเล่าเรื่องอย่างลึกซึ้งดื่มด่ำ การที่จะเข้าให้ถึงรสชาติเสพซึ้งถึงวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ น่ายินดีที่คณะกรรมการเทศกาลหนังปีนี้มีรสนิยมวิไล และสามารถเข้าถึงความสูงส่งของหนังเรื่องนี้ได้ จึงทำให้หนังได้เข้าไปติดการชิงรางวัลของเทศกาลหนังสั้นปีนี้อย่างงดงาม ได้ยินว่าหนังจะได้ฉายอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่ หอศิลป์กรุงเทพ วันที่ 19 สิงหาคม เย็นๆมั้งครับ ดูในโปสเตอร์แล้วกัน มีช่อมะกอกอย่างสวยงาม ใครอยากไปชื่นชมงานศิลปะและหนังชั้นเลิศ ก็ไปลองยลดูนะครับ งานนี้รับประกันไม่ผิดหวังแน่ๆ สังเกตุดีๆอาจจะได้เห็นผมมีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ด้วย ก็พอดีผู้กำกับคนเก่งเขาอัญเชิญไปร่วมรับเชิญในบทเล็กๆแบบมีเครดิตด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆนะเนี่ย อิอิ

www.pandagroup.pantown.com

http://www.thaifilm.com/shortFilmDetail.asp?id=164

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

~ ของสะสมในอดีต บัตร ATM ใบแรกหรือเปล่าไม่แน่ใจ ~

.......... เมื่อก่อนสมัยเด็กๆ เคยสะสมบัตรเอทีเอ็มด้วยแหละ สมัยนั้นเค้าไม่ได้คิดค่าธรรมเนียมมหาโหดแบบสมัยนี้ ทำก็ฟรีเสียตังเปิดบัญชีแค่ร้อยเดียวเองมั้ง ก็เลยทำไว้แทบทุกธนาคารที่เค้าเปิดให้ทำ สมัยนั้นเพิ่งจะมีบัตรเอทีเอ็มใช้ได้ไม่นาน ผมเลยทำเป็นสมุดใส่บัตรเลย ถ้าจำไม่ผิดมีอยู่สักเกือบๆยี่สิบบัตรได้มั้ง สมัยก่อนโน้นบัตรเค้าก็ไม่ได้หรูหราอะไร แค่ทำไว้ใช้การได้ แต่มีอยู่ใบเดียวที่ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ก็คือบัตรและบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ เงินก็เข้าๆออกตลอด ค่ารายปีก็ไม่มีมั้ง มีแต่ค่าธรรมเนียมบัตรธรรมดาเหมือนจะปีละร้อยครับ ให้ทำใหม่ก็ไม่อยากทำ เพราะถ้าทำเป็นเดบิตค่ารายปีมันแพง ใช้จนบัตรหักไปแล้ว หักสองท่อนเลยนะครับ แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่ เอาก็อตเทปมาติด ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันยังใช้ได้ ดูอายุบัตรซะก่อนสิครับ สมัครตั้งแต่ปี 1991 ถึงวันนี้ก็ครบ 20 ปีซะแล้ว อายุบัตรเอทีเอ็มใบนี้มากกว่าอายุเด็กเกรียนๆบางตัวที่มันคอยรังควาน หรือสร้างความวุ่นวายให้กับผมซะอีก ถ้าเป็นคนอื่นก็คงทำใหม่ไปแล้ว คุณนายแกก็บอกให้ผมไปทำใหม่กลัวว่าบัตรจะโดนดุด แต่ผมก็เก็บอย่างดี แล้วก็ดูไม่เคยจะมีปัญหา เพราะงั้นก็คงจะต้องใช้ไปก่อน ขี้เกียจเสียเวลาไปทำบัตรใหม่ เปลืองตังด้วย ที่เหลือในกระเป๋าตังก็มีแต่บัตรเดรดิตแล้ว จากที่เคยมี สี่ใบ ตอนนี้ลดเหลือ สามใบ ปิดบัตรไปใบนึง ที่เหลือก็เคลียร์เงินหมดแล้ว เหลือไว้ถือเผื่อฉุกเฉินเท่านั้นเองครับ สบายๆ

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

~ เดือนนี้ joblovenuk โดนภาษีกะประกันสังคมไปอีก 7 พันกว่า ~

..... เฮ่อ ภาษีหนักข้อจริงๆ เห็นรัฐบาล กับพวกกองทัพ จะเรียกร้องเอาโน่นเอานี่จากภาษีของผม ไปปู้ยี้ปู้ยำ นึกแล้วน่าแค้นใจครับ เสียไปเดือนๆนึงหกพันเจ็ดพัน เอาไปให้มันใช้อีลุ่ยฉุยแฉก แถมยังมีหน้ามากร่าง ด่า มาข่มขู่ประชาชนอีก เลวระยำจริงๆไอ้พวกข้าราชการชั้นสูง เวลาก็มีน้อย แล้วยังจะดันอัพบล็อคอีก เบื่อจริงๆ สงสัยอีกหน่อยคงไม่ได้มาเขียนบล็อคแบบนี้บ่อยๆแน่ๆ ต้นเดือนหน้าคุณนายก็คลอดออสการ์อีกคนแล้ว จะเอาเวลาที่ใหนมาเขียนไดอารี่ออนไลน์ฟะเนี่ย กลับมาเรื่องภาษีกันก่อนดีกว่า ถ้ารัฐบาลลดภาษีซะบ้างก็ดีนะ หรือไม่ก็แจกแจงให้ประชาชนอย่างเราได้เห็นว่า ภาษีเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง ก็เหมือนกับประกันสังคมนั้นแหละ จ่ายเดือนๆนึงก็หลายตัง แต่เห็นหลายๆคนได้รับการบริการทางการแพทย์กันอย่างห่วยแตกสิ้นดี นึกแล้วก็เสียดายเงินอีกสองเท่า

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

~ คะแนน TOEIC ของ Joblovenuk อยู่ประมาณ 7 - 800 คะแนนจ๊ะ ~

..........รอบสิบปีที่ผ่านมา ก็เคยมีโอกาสไปสอบวัดระดับภาษา โทอิค อยู่บ่อยครั้ง นับได้น่าจะราวๆ 6 - 7 ครั้ง ตั้งแต่สมัยค่าสอบยังสัก 500 แล้วก็ขึ้นมาเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้รู้สึกจะพันสองแล้วมั้ง แพงจริงๆเล้ย แต่ถ้าใช้สิทธิพนักงานบริษัทผมก็เหลือประมาณ 600 กับ 800 คืออันหลังนี่ไปรับผลได้ แต่อันแรกนี่เค้าไม่พิมพ์ผลคะแนนให้ แต่จะส่งมาที่บริษัทเลย ก็สนุกดีครับ เป็นการท้าทายและก็วัดผลความสามารถไปในตัว ผลโทอิคนี้ก็มีหลายบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว สายการบิน และอีกหลายองค์กรที่เอามาเป็นตัววัดความสามารถ บ้างก็ได้ค่าภาษา หรือมีเบเนฟิตอื่นๆประกอบด้วย หรือไม่ก็เป็นตัวชี้ว่าความรู้คุณมีมากน้อยแค่ใหน ข้อสอบมีสองร้อยข้อ ฟังครึ่งนึง ข้อเขียนครึ่งหนึ่ง ไอ้ที่ยากก็จะอยู่ส่วนหลัง จริงๆข้อสอบชุดนี้ทั้งหมดไม่ยากนะครับ ถ้ามีเวลาทำพอสมควร ปัญหาคือมันต้องทำแข่งกับเวลา พูดง่ายๆก็คือ ส่วนใหญ่แทบจะร้อยทั้งร้อย ทำข้อสอบชุดนี้ไม่ทันครับ

.........เวลามีน้อย ข้อสอบมีเยอะ มีเวลาให้คิดแต่ละข้อน้อยมาก โดยเฉพาะส่วนของการฟังคือรอบเดียวผ่านแล้วผ่านเลย ต้องตาไว หูไว จับคำถามให้ได้ไวๆ แล้วก็รีบตอบ ถ้ารู้ว่าตัวเองทำผิด ห้ามลน ห้ามสติแตก ต้องโยนทิ้งอันที่ผิดพลาดแล้วก็เลยต่อไปเลยครับ ส่วนใหญ่เวลาเราทำอะไรผิดพลาดแล้วเราจะเสียสติ จะเครียด จะกดดัน ทำให้หลายข้อที่ตามมาเราก็จะทำพลาดไปด้วย และรวมถึงส่วนของเทกซ์เช่นกัน ผมเองนั้นจะถนัดส่วนเทกซ์ถามตอบ เพราะว่า ข้อสอบแบบที่มีอะไรให้อ่าน แล้วมีคำถามนั้น เราทำได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงร้อยก็เกือบร้อย เพราะข้อความแบบที่ส่งให้มาหรือตามหนังสือพิมพ์ เราอ่านได้อยู่แล้ว ไม่พลาดแน่ๆ ยกเว้นเจอคำถามลวง ต้องดูให้ดีๆ แต่จะยากก็ตรงส่วนของแกรมม่า เช่น รูปประโยคแบบใหนมีคำผิด หรือการเลือกคำศัพท์ ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก ตรงนี้จะพลาดได้ แนะนำให้ทำทีหลังครับ ทำส่วนที่ตัวเองถนัดก่อน แล้วค่อยเลือกทำส่วนที่ตัวเองไม่ถนัดอันหลังสุด หรืออาจจะมั่วไปก็สุดแท้แต่ จริงๆตรงนี้มีเทคนิคมากมายที่อยากแนะนำ เช่นการฟัง ถ้าฝึกฟังข่าว หรือฟังรายการต่างประเทศให้เยอะไว้ ก็จะคุ้นเคยกับสำเนียงฝรั่งครับ จะมีโอกาสฟังได้คล่องและลื่นมากขึ้น ส่วนแกรมม่านี่คงต้องอาศัยพื้นๆแล้วครับ ไม่สามารถติวอะไรได้

http://www.pandagroup.pantown.com/



วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ศพไม่เงียบ .... กะเทาะวงการผ้าเหลืองได้แสบสันต์สุดๆ !!




.................. โอ้โฮ หนังฝรั่งทำ คนไทยแสดงเรื่องนี้ต้องบอกว่า ทำให้อึ้ง ตะลึง และตื่นเต้นไปได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากหนังเกี่ยวกับวัด กับศาสนา พระสงฆ์องค์เจ้า คนไทยไม่กล้าทำหรอกครับ ทำออกมาก็ไม่พ้นโดนแบน โดนเซนเซอร์ แปลกใจทำไมหนังเรื่องนี้เข้าฉายได้อย่างรอดปรอดโปร่ง ขนาดเจ้ย ทำหนังที่พระดีดกีตาร์หน่อยเดียว ยังโดนหั่น นี่พระในหนังทำแบบที่เราคนไทยชาวพุทธ รู้เซ่นเห็นชาติ แต่ไม่กล้าอ้าปากพูด ฝรั่งมันทำซะเราอึ้งไปเลย หรือเพราะเป็นฝรั่งทำหนัง ก็เลยผ่านตลอด เพราะคนไทยยกย่องฝรั่ง ถ้าคนไทยทำกันเอง ทำเป็นดีดสะดิ้งรับไม่ได้ ฝรั่งเอามาแฉ พร้อมใจกัน อื้ออึ้ง ยอมรับว่า แบบนี้ก็มีอยู่จริง ไหง๋เป็นงั้นไปได้วะ งงจริงๆพับผ่าสิ !! ตกลงมันกี่มาตรฐานวะ คนชาติเดียวกันทำมึงรับไม่ได้ แต่ฝรั่งทำมึงรับได้ ไอ้พวกควายก.บ.ว.มันเจอหนังเรื่องนี้เข้าไปแล้วมันไม่ชักตาตั้งหรือวะ งงจริงๆพับเผื่อยสิ ... หนังเล่าเกี่ยวกับการฆาตกรรมอันโหดเหี้ยมภายในวัด ศพที่เจอโดนควักลูกตา โดนเอาเทียนยัดปาก มีร่องรอยการทรมาณก่อนตาย แต่ไม่มีใครสนใจ ตำรวจบอกว่าเป็นเพราะเด็กที่ตายเป็นแค่เด็กจรจัด ไม่มีอะไรให้น่าสืบสวนนอกจากโยนความผิดไปว่า เป็นเพราะการขัดแย้งปัญหายาเสพติดภายในวัด

................... แค่เล่าเรื่องด้านมืดภายในวัดไม่พอ หนังเรื่องนี้มีครบทุกประเด็นครับ ไม่ว่าการค้ายาภายในวัด พระลูกวัดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กิจของสงฆ์ที่ไม่น่าจะเป็นกิจของสงฆ์ และเรืองเงินๆทองๆ รวมถึงเรื่องสกปรกอีกหลายอย่างที่คนนอกอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน หรือถึงรู้ก็ไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยว เพราะใครๆก็ไม่มีใครอยากเอามือซุกหีบ สุดท้ายพระตัวเอกที่เคยเป็นตำรวจมาก่อนก็ค่อยๆสืบคดีกันไป จนน่าตกใจว่า เรื่องราวมันซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีอะไรที่เกินความคาดหมายอยู่เยอะ หนังฉลาดที่ใช้ลูกหลอกเยอะมาก เล่นเอาคนดูที่พยายามจะเดาเอาหัวทิ่มหัวตำ มีการส่งซิ่กว่าอาจจะเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นแบบนี้ เป็นคนโน้นหรือเปล่า ใส่ตัวละครที่น่าสงสัยเข้ามาเต็มไปหมด ทำท่าให้น่าคิดว่าจะมีส่วนข้องเกี่ยวกับการฆาตกรรม จนทำให้เดาทางได้ยากมาก แถมยังสร้างบรรยากาศเขย่าขวัญแบบเนียนๆโดยไม่ต้องจัดองค์ประกอบภาพให้มากเรืองและไม่ได้เน้นงานภาพที่ทำให้ดูเคลิ้ม แต่เล่นกันแบบธรรมชาติมากๆสุดๆ การได้นักแสดงที่ไม่คุ้นหน้ามาเล่นก็ช่วยสร้างความสมจริงมากขึ้นไปอีก โดยภาพรวมนี่คือหนังที่น่าพอใจสุดๆในแง่ของการเล่าเรื่อง ความแปลกใหม่ เพราะโลกของสงฆ์ เป็นเหมือนอีกโลกที่คนดูส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย ยิ่งเป็นภาพแบบที่เห็นในหนังแล้วด้วย ต้องบอกว่าน่าดีใจที่มีคนหยิบเรื่องราวในวัดในวาออกมาทำหนังแนวนี้ น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบครับ บอกได้แค่นี้

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

- รำคาญ มายาคติชนชั้นกลาง จอมปลอม !! -

..................สัปดาห์ที่ผ่านมา ในเฟสบุคและทวิตเตอร์ หรือรวมถึงตามบอร์ด เชื่อเลยว่ามีฝ่ายที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งออกมาคร่ำครวญ ด่าทอ สาปแช่ง ตำหนิ แขวะ ก่นด่า ผู้ที่เลือกตั้งอีกฝ่าย หาว่าโง่ หาว่าไม่มีสมอง หาว่ามีการศึกษาต่ำกว่ากันบ้างก็มี หลายเหตุผลที่พวกนึ้มันพูดมา ก็เหมือนเป็นการประจานตัวเองแหละครับ เพราะในความเป็นจริง ชนชั้นกลาง หรือพวกที่พอมีการศึกษา พอมีเงินทองบ้าง พอมีพอกิน ต่างก็ไม่ต่างอะไรจากพวกชนชั้นรากหญ้าที่พวกเค้าเข้าไปด่ากันนั่นแหละครับ บางคนถึงขนาดทำการ์ตูนล้อเลียนว่า ชนชั้นรากหญ้า ออกลูกกันเยอะ ประชากรคุณภาพต่ำแต่ปริมาณเยอะกว่า ก็เลยชนะการเลือกตั้ง ผิดกับพวกเค้าที่มีการศึกษาดีกว่า ออกลูกกันน้อยกว่า ก็เลยแพ้กันเลือกตั้ง คิดกันได้ขนาดนั้น ถุย !! ฟังแล้วอนาถครับ ชนชั้นกลางจอมปลอมพวกนี้ ถึงตัวเป็นไท แต่ใจเป็นทาสครับ เมืองไทยเลิกทาสกันแต่ในนามครับ แต่คนกลุ่มนึงกลับใช้อกุศโลบาย หลอกล่อ ปั่นหัว และฝังความคิดโง่ๆให้พวกชนรุ่นหลังเชื่อถือบางสิ่งบางอย่าง จนไม่ได้ฉุกคิดอะไรสักนิดเดียว เพื่อประโยชน์ทางการเมืองบางอย่าง น่าสมเพช แล้วพวกที่มีการศึกษาเหล่านี้กลับคิดเองไม่เป็น ถูกมอมเมา ถูกสอนสั่งให้เชื่อบางสิ่งโดยไม่ได้คิดตามเลยสักนิดว่า ความจริงมันคืออะไรแน่ ?

..................ตรองดูนะครับ พวกชนชั้นกลางเหล่านี้ ด่า และดูถูกคนต่างจังหวัด คนรากหญ้าว่า ไม่มีการศึกษา ยากจน ซื้อเสียงได้ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง โดนจูงจมูก ทั้งๆที่ความจริงคนต่างจังหวัดก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนเมืองนั่นแหละครับ มีความเจริญเข้าถึงไม่ต่างกัน มีตึกรามบ้านช่องสูงๆ ใช้รถเก๋ง ทำงานออฟฟิศ ทำงานแทบไม่ต่างจากคนเมืองครับ การมองดูถูกคนต่างจังหวัดที่คิดไม่เหมือนตัวเองนั้น ก็ไม่ต่างจากฝรั่งขี้นก ฝรั่งที่อยู่ในกะลา ที่คิดเสมอว่า คนไทย หรือคนเอเซีย คนอัฟริกายังล้าหลัง ขี่อูฐ ขี่ช้าง ขี่ควายไปทำงาน ยากจนข่นแค้น โดยหารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้คนในอีกซีกโลกนึงที่ตัวเองไม่เคยไปเห็นกับตาตัวเองนั้น ก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากตัวเองนักหรอก เผลอๆจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ มันก็เลยกลายเป็นภาพฝังหัวไป พวกชนชั้นกลางจอมปลอม กลวงๆนี่ก็ไม่ต่างกัน คิดโง่ๆ ทำแต่เรื่องโง่ๆ โดนฝังเรื่องโง่ๆมา สุดท้ายก็กลายเป็นควายโดยไม่รู้ตัว เป็นทาสโดยนิตินัย เจอชนชั้นสูง เจ้านายผ่านไปมาก็กราบไหว้ ไม่เคยเชือว่ามนุษย์มีความเท่าเทียมกัน น่าสมเพชสิ้นดี ความคิดแบบนั้นพอถูกส่งต่อมันก็ยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ทำอย่างไรจะให้ความคิดเหล่านี้เปลี่ยน เราก็ต้องสอนจากคนในครอบครัวเราก่อน อย่าให้โง่เหมือนพวกที่อ้างตัวเองเป็นชนชั้นกลางน่าสมเพชเหล่านั้น

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

..... แวะไปหม่ำๆซิสเล่อร์ที่ฟิวเจอร์แสนอร่อยแล้วก็เลยเดินเล่น ดูโน่นดูนี่ เจอ ลิตเติลโฮม เบเกอรี่ นึกถึงป้าจวบขึ้นมาเลย เพราะป้าจวบเคยทำงานที่ร้านนี้เป็นเวลาหลายสิบปี ไม่ได้ไปเยี่ยมป้าจวบนานแล้ว ว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมคุณป้าสักหน่อย เมื่อก่อนคุณป้าก็แวะมาหาเราบ่อยๆแทบจะทุกวันเกิด ไม่รู้สุขภาพแกจะเป็นไงบ้าง เมนูอร่อยของร้านนี้ก็มีหลายอย่าง ปีนี้ซื้อเค๊กมาชิมด้วย ก็เป็นเค๊กวันเกิดก็อร่อยดีครับ รสชาติไม่แพ้เอสแอนด์พี แต่ราคาถูกกว่ากันสักร้อยนึงได้ ส่วนเมนูอื่นๆที่ขอแนะนำเลย ก็คือ กล้วยเคลือบช็อกโกแลต ซึ่งมีเจ้านี้ทำเจ้าเดียวครับ ไม่มีเจ้าอื่นทำขาย อร่อยแบบเป็นสูตรเฉพาะของเค้า เหมือนกับที่กาโต้เฮ๊าส์ มีปังช็อกเป็นทีเด็ดนั่นแหละครับ อันนี้เป็นกล้วยช็อค เดี๋ยวนี้ราคาขึ้นมาถึง 25 บาทแล้ว ก็ถือว่าแพงเหมือนกัน แต่นานๆชิมทีก็ไม่เลวครับ ใครผ่านไปก็ลองไปพิสูจน์นะครับ จริงๆแล้วบัตเตอร์เค๊ก หรือเมนูอื่นๆเค้าก็ทำอร่อยนะครับร้านนี้ ดีจังที่มีสาขาแถวบ้านเราด้วย เพิ่งจะรู้

http://www.pandagroup.pantown.com/





วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทำบุญตักบาตร ฉลองวันเกิดครบรอบ 38 ปี .....

........ แป๊ปเดียวจะ 40 แล้ววุ้ย ยังรู้สึกเหมือนสัก 20 อยู่เลย 555 วันนี้เป็นอีกวันที่น่ายินดี เพราะเมืองไทยเราจะได้มีนายกหญิงคนแรกของประเทศสักที คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็น่ายินดีด้วย เป็นข่าวดีฉลองวันเกิดเลยทีเดียว นึกเสียดายผลการเลือกตั้งบางเขตของกรุงเทพ แอบผิดหวังเล็กๆแต่ก็ต้องเคารพการตัดสินของประชาชน และหวังว่าประชาชนที่ผิดหวังการเลือกตั้ง หรือแพ้การเลือกตั้ง ต้องหัดรู้จักเคารพเสียงข้างมากของประเทศบ้าง ไม่ใช่ว่าอะไรก็จะเอาแต่ใจ จะก่อม๊อบ จะตีรวน จะปั่นป่วนสารพัด บ้านเมืองมันวุ่นวายก็เพราะไอ้พวกเหี้ยพวกนี้ที่ไม่รู้จักยอมรับมติของประชาชนนั่นแหละครับ หวังว่าเมืองไทยคงจะเดินหน้าสู่การปรองดองอย่างแท้จริงและนำ พตท ทักษิณ ชินวัตร กลับมาเมืองไทยโดยสวัสดีเสียที

http://www.pandagroup.pantown.com/



วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

- Joblovenuk โดนภาษีเงินได้เดือนนี้ 6 พันกว่าบาท -

............. ไม่ค่อยได้อัพบล็อคเลย นึกขึ้นได้ก็สายทุกที มีอะไรก็อัพเดทไว้ในเฟสบุค หรือในเวปบอร์ดหมด แล้วจะเอาอะไรมาเขียนบล็อค จะอัพภาพก็ขี้เกียจ โพสในเฟสใส่ทีได้เป็นร้อยรูป แป๊ปเดียวก็เสร็จ เชื่อเลยว่า บล็อคเกอร์ทั้งหลายถ้าไม่ใจรักจริงๆคงย้ายมาเขียนในเฟสกันหมด เผลอๆบล็อคหลายๆที่จะร้างเอาด้วยซ้ำ เดือนนี้สลิปออกเร็วหน่อย เปิดออกมา โอ้ ภาษีโดนไปหกพันกว่าบาท ประกันสังคมอีกเกือบพัน เงินเดือนหายไปเยอะ ก็ยังดีที่เหลืออยู่ 6 กว่าๆ หลังหักค่าบ้านไปแล้ว ก็โอเคอยู่นะ วันก่อนเจอพวกออฟฟิศแซวเอาว่ารับเงินเยอะนะ พอๆกับระดับผู้บริหารเลย ผมก็เงียบๆ ไม่อยากจะคุยมากว่าจริงๆผมได้เยอะกว่าที่เค้ารู้ซะอีก อย่างว่าแหละครับ ไม่มีใครอยากรู้ หรือยินดีกับคนที่มีรายได้เยอะๆหรอกครับ คนขี้อิจฉามันเยอะ คอยจะหมั่นไส้ คอยจะกระแหนะกระแหน๋เราซะเปล่าๆ ทำไงได้ คนมีความสามารถนี่นา โกยเงินได้เยอะ หาเงินได้เยอะ ก็โดนภาษีเยอะเป็นธรรมดา

.............. นึกแล้วก็น่าเสียดายเงินภาษีของเราจริงๆ ให้รัฐมันเอาไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉก สะเปะสะปะ อุ้มพวกเลวๆ อุ้มพวกโง่ๆ ดูงบการศึกษาสิ ไม่เคยจะมี ปล่อยให้เด็กไทยโง่เต็มประเทศ ยิ่งพวกที่ไปเล่นเวปเสื่อมๆเลวๆ ยิ่งโง่ ยิ่งเหี้ยไปกันใหญ่ ถ้ารัฐแบ่งเงินมาพัฒนาการศึกษา หรือพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เอาแต่แดก ผมก็คงจะไม่เสียดายเงินภาษีขนาดนี้ การเรียนการสอนของประเทศนี้ต้องบูรณาการขนานใหญ่แล้วครับ แต่ตราบใดที่ยังบริหารกันแบบราชการ เช้าชามเย็นชามแบบนี้ คงหมดหวังครับ เพราะมันต้องทำงานกันแบบเอกชน เนื้อร้ายก็ต้องตัดทิ้งไป ใครทำงานห่วยก็ต้องฟัน ต้องจัดการปลด ต้องเพิ่มเงินให้ครู ต้องเพิ่มงบบำรุงโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ควรส่งเสริมคนมีความรู้มีการศึกษา ฉลาดๆมาทำงานด้านการศึกษากันเยอะๆ ไม่ใช่อยากได้คนเก่ง แต่ดันให้เงินน้อย แล้วใครเขาจะมาทำงาน เค้าก็ไปทำงานเอกชนกันหมด จริงใหมล่ะครับ

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

~ พาชมอาหารมื้ออร่อยสามมื้อของ joblovenuk ~



..... ปกติก็ทานอาหารสองในสามมื้อที่ทำงานครับ บางวันก็ซัดกันสามมื้อไปเลย บรรยากาศที่แคนทีนก็อย่างที่เห็นในภาพน่ะครับ อาหารรสชาติดี บรรยากาศเย็นสบายเหมือนทานในฟู๊ดเซนเตอร์ แต่ราคาประหยัดกว่าร้านข้าวราดแกงข้างนอกบางร้านซะอีกนะครับ ก็เป็นที่ฝากท้องเกือบๆจะทุกวัน เพราะขี้เกียจจะออกไปข้างนอกครับ มันเหนื่อยและร้อนครับ ทานอาหารที่ทำงานเสร็จก็พักผ่อน นั่งเล่นห้องสมุดบ้าง ถ้าห้องอินเตอร์เน็ทเปิดก็ไปใช้บริการสบายๆ ถ้าไม่เปิดก็เตร็ดเตร่อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปพลางๆ บางทีก็นั่งชิมกาแฟ หรือทานของว่างไปพลางๆ ดูวิวสวยๆของตึกรามบ้านช่องในเมืองไปด้วย ก็สบายอารมณ์ไปอีกแบบครับ





...... มื้อเที่ยงบางทีก็เล่นของหนักไปเลย บางทีก็ทานข้าวราดแกงแบบสบายๆครับ มื้อโปรดมื้อหนึ่งของผมก็คือ ต้มยำรวมมิตรทะเล กับข้าวไข่ดาวสองฟอง ทั้งหมดนี้ 55 บาทครับ รสชาติอร่อย ทานอิ่มแล้วก็ไม่แพงด้วย จริงใหมครับทุกๆท่าน

http://www.pandagroup.pantown.com/





วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

+ ถอยกล้องใหม่ Canon Powershot 2200 มาใช้ +



รีวิวกล้องสักหน่อยดีใหมเนี่ย

เป็นกล้องคอมแพค ราคาประหยัด 3750 บาท ( ราคาตลาด 3990 ) น้ำหนักเบา ถ่านลิเธียม เลนส์ไวด์ ซูม 4 เท่า
ภาพก็โอเคครับ แต่ถ่ายกลางคืนยังไม่แจ่มเท่าไหร่ ต้องลองหลายๆโหมด และหลายสภาพแสง แล้วจะมารีวิวให้ชมกันในเวปนะครับ
ฟังก์ชั่นอะไรเยอะดีครับ มีลูกเล่นเยอะ ถ่ายไฮเดฟได้ มีโหมดตกแต่งภาพ ทำหน้าบาน ทำภาพเอฟเฟคซ์หลายรูปแบบ ฟีเจอร์คล้ายๆ
อิคซัส ตัว 105 นั่นแหละครับ แต่ดูดีกว่า ประหยัดกว่า น่าจะไว้ใช้แทนฟูจิตัวเก่าได้ส่วนตัวเก่าก็เอาไว้ให้มูวี่ถ่ายภาพเล่นแทนครับ
ชมภาพตัวอย่างสวยๆกันได้ที่เวปเช่นเคย

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Joblovenuk's วิจารณ์ Redemption .... หนังของท่านเจ้าลัทธิปิงปิง !!

Redemption ( ไถ่บาปด้วยบุญมาร ) .... 2 ดาวครึ่ง ....

............................ถ้าคิดจะทำหนังคัลท์ ก็ต้องเอาให้มันสุดๆไปเลยครับ ผมเคยบอกไว้หลายทีแล้ว ส่วนใหญ่หนังคัลท์ที่ได้รับการยกย่องในโลกใบนี้โดยมากมักจะเป็นหนังที่สุดโต่ง เอาให้ถึงสุดทาง บ้าก็บ้าหลุดโลก ตลกก็เอากันให้ตายไปเลย ห้ามกั๊กเด็ดขาดครับ เพราะหนังคัลท์เนี่ยคนดูมีแค่สองทางเลือกครับ ไม่ชอบก็เกลียดกันไปเลย ? สาเหตุที่นักดูหนังจดจำหนังคัลท์ได้ก็เพราะความบ้าดีเดือดของคนทำหนังคัลท์เหล่านั้นนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่นหนังของผู้กำกับ จอห์น วอลเตอร์ ที่ทำหนังคัลท์ต่ำๆออกมาเยอะมาก มีกระทั่งฉากกินขี้เป็นต้น ฯลฯ ปัญหาหนักของ Redemtion ก็คือมันยังไม่กล้าพอที่จะบ้าไปในสุดทางอย่างที่ผมเรียนเอาไว้ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากความที่ผู้กำกับต้องการจะใส่สารลงมาในแนวทางที่หลากหลาย จนเกือบจะเหมือนหนังทดลอง ทำให้หนังหลุดประเด็นและหลุดคอนเซปที่วางไว้แต่ต้นอย่างน่าเสียดาย ผมเชื่อว่าก่อนถ่ายทำถ้าหากว่ามีการระดมความคิดในการทำบทหนัง อาจจะทำให้หนังมีหน้าตาออกมาน่าสนใจกว่าที่เห็นอยู่ ? อ่านกันต่อครับ เด๋วผมจะชำแหละหนังเป็นจุดๆอย่างละเอียดเลย

............................Redemption มีพล็อตหลวมๆว่าด้วยการพัวพันของนักการเมืองชั่ว ผู้มีอิทธิพลใต้ดิน และลัทธิประหลาดลี้ลับนามว่า " ลัทธิปิงปิง " มีการลักพาตัวลูกสาวของเจ๊ใหญ่ ผู้มีอำนาจค้ำฟ้าไปเพื่อการบางอย่าง และตัวละครทั้งหลายก็มีความพัวพันกันอยู่มั่วไปหมด แต่พูดก็พูดเหอะอย่าไปสนพล็อตเลย นี่คือหนังที่ผมคิดว่าผู้กำกับปิงปิง แกใส่เรื่องที่อยากใส่ลงมากะทันหัน ก่อนจะเอาไปสลับสับตัดต่อกันในภายหลัง มันเหมือนหนังที่คิดเรื่องไว้คร่าวๆแต่ขาดการขัดเกลาอยู่พอสมควร น่าจะคล้ายๆกับหนังของ หว่อง กาไว ? ครึ่งแรกของหนังสนุกมาก แต่ครึ่งเรื่องหลังของหนังยังมีปัญหาอยู่มากพอสมควร ด้วยความที่ผู้กำกับพยายามเปลี่ยนโทนหนัง จากตลกร้ายเสียดสี ให้กลายเป็นหนังที่มีเนื้อหาจริงจังขึ้นมากระทันหัน มุขตลกของหนังโดยรวมๆถือว่าเวิร์คอยู่แล้ว แต่การเสียดสีต้องเกลาให้คมคายกว่านี้หน่อย พูดตรงๆเลยนะครับหนังเรื่องนี้อาจจะดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนแนวไปเป็นหนังทริลเล่อร์เต็มตัวแบบจริงจัง หรือไม่ก็หนังฮาบ้าหลุดโลกโดยไม่ต้องสนใจความเป็นจริงแม้แต่นิด คือเอาแฟนตาซีให้มันสุดๆแบบครึ่งแรกน่ะครับ

............................ไถ่บาปด้วยบุญมาร อาจจะกลายเป็นหนังที่บ้ามาก หรือสยองมาก ถ้าจับหัวใจของความเป็นลัทธิประหลาดที่กำลังเข้าไปสิงสู่อยู่ภายในจิตใจคนหมู่มากได้สำเร็จ ส่วนเรื่องการต่อต้านทุนนิยม หรือซาตานอะไรนั่น ถ้าเล่าให้มันบ้าๆไปเลย จะน่าอินได้มากกว่าเล่าให้มันดูเป็นการเป็นงาน หนังมีซีนที่น่าประทับใจอยู่หลายฉาก หากว่าแยกหนังออกมาเป็นส่วนๆ เป็นหนังสั้นหลายเรื่องหรือ เอ็มวี อาจจะทำให้มันเป็นงานชั้นดีได้ไม่ยาก แต่ถ้าเอามาผสมผสานต่อฉากเป็นหนังยาวแล้ว มันกลับดูขาดๆเกินๆอย่างบอกไม่ถูก ผกก.แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเล่าเรื่องเป็น และถ่ายทอดภาพหลายๆฉากออกมาได้อย่างลื่นไหล เทคนิคพิเศษทางภาพแบบหนังทุนต่ำก็ถือว่าทำออกมาได้ในระดับสอบผ่าน เพลงประกอบหลายๆเพลงถือว่าติดหู และเข้าที การแสดงของนักแสดงระดับสมัครเล่นหลายๆคนก็ถือว่าไม่เลวเลยแหละครับ โดยนักแสดงที่ถือว่าเล่นได้เข้าตาที่สุดก็คงเป็น อ.ประจวบ ในบท นายพลแจ้ เฮียเล่นแบบขโมยซีนในหลายต่อหลายฉาก บทจะขำก็ทำได้ บทจริงจังก็ยังปั้นหน้าตายได้เนียนอีกด้วย !!

............................ภาพยนตร์มีการรับอิทธิพลมาจากหนังดังหลายเรื่อง มีบางฉากที่ไม่น่าจะเอามาใช้เช่น ฉากปืนจ่อหัวสามคน ( จอห์น วู ) หรือฉากรัสเซียน ลูเล็ท ( หนังสงครามเวียดนามจำชื่อไม่ได้ ) หรือฉากที่นางเอกพาพระเอกหนี ก็ละม้ายคล้ายหนังที่โจวเหวินฟะเล่น แม้ฉากเลียนแบบบางฉากจะทำได้เข้าท่าก็ตามที แต่ถ้านำเสนอสไตล์ที่เป็นออริจินอลบ้าง ก็น่าจะทำให้หนังดูมีสไตล์มากขึ้น แปลกใจที่หนังไม่ยักกะมีฉากปลอมตัวแบบสวมหน้ากาก หรือฉากฝันซ้อนฝันอะไรเทือกๆนั้น รวมไปถึงฉากแฟลชแบ็คของตัวละครหลายตัวน่าจะทำให้อธิบายความเป็นมาได้น่าสนใจขึ้น ใหนๆหนังก็มีหลายฉากที่ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว การพยายามทำให้ทุกอย่างเคลียร์ในช่วงฉากท้ายๆ ผมว่ามันทำให้บทสรุปดูแปร่งๆแปลกประหลาดอยู่ไม่ใช่น้อย หรือไม่ก็น่าจะเพิ่มความพร่าเลือนของเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับความวิปลาสลง หรือหักมุมอีกตลบ อาทิให้นายพลแจ้ กลายร่างเป็นอัครสาวกของลัทธิปิงปิงไปเลย หรืออะไรประมาณนั้น ? พูดง่ายๆใหนๆจะชวนสับสนแล้วก็ต้องเอาให้มันเซอร์แตก แหวกชิมิไปเล้ย


http://www.pandagroup.pantown.com/

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

The story about you and me ....หนังรักรสประหลาดของตัวประกอบ ปิงปิง + น้อง dfh ?

รักของเรา ( The story about you and me ) .... 2 ดาวกว่าๆ ....

.............................หนังส่วนตัวของ คุณผู้กำกับ Alwa ritsila หรือที่รู้จักโด่งดังในวงการในนาม ตัวประกอบ ปิงปิง แต่หนังรักเรื่องนี้คุณปิงปิง ไม่ได้เป็นตัวประกอบอย่างใด หากแต่เป็นพระเอกคู่กับ เจ้าป้าหมื่นดราม่า อย่าง น้องนุ่น dfh ความน่าสนใจก็ย่อมต้องสูงเป็นธรรมดา ใครๆก็อยากรู้ว่าสองคนนี้จะแสดงหนังกันได้สะเด็ดเด่าขนาดใหน ? มองดูแบบผิวเผิน นี่คือหนังที่โรคจิตมากๆ แต่ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกกันแล้ว หนังเรื่องนี้ก็คือหนังจิตป่วงเรื่องนึงอยู่ดี ? หนังเล่าเรื่องราวของเพื่อนชายหญิงคู่นึง ที่ห่างหายกันไปหลายปีตั้งแต่เรียนจบ แล้วอยู่มาวันนึง สาวเจ้าก็เกิดคิดถึงเพื่อนชาย อยากกลับมาเจอ อยากขอไปอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง อันนี้ไม่รู้ว่าอิงจากเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องแต่งล้วนๆก็ไม่ทราบ แต่รู้สึกว่าหนังมันมีอีโมชั่นมากๆ แล้วก็มีความรู้สึกว่ามัน " จริง " เอามากๆ !! หากแต่ว่ารายละเอียดรายล้อมบางอย่าง ดูแต่งเติมมากไป

.............................ปัญหาประการสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คงคล้ายๆที่เกิดกับหนังอินดี้ หนังทุนต่ำ โฮมเมดเรื่องอื่นๆนั่นแหละมั้ง คือเรื่องของการบันทึกเสียงที่ฟังอู้อี้ไม่ค่อยชัด แล้วก็จงใจใส่เสียงบรรยากาศรอบข้างมากเกินไป ถ้าตัดเสียงออกไปใช้แต่ดนตรีประกอบ หรือซาวเอฟเฟค ที่ทำเองได้ น่าจะทำให้หนังดูดีขึ้นกว่านี้ สำหรับส่วนของการเล่าเรื่องหนังทำได้ดีพอสมควร ปิงปิงลำดับเรื่องออกมาดี ปัญหาหนักกว่าเรื่องบันทึกเสียงก็คือ บทหนังครับ !! หนังรุนแรงมาก จริงๆผมไม่มีปัญหาอะไรกับความรุนแรงของหนังเลย แต่มันเลยเถิด มากเกินไปหรือเปล่า ? เพื่ออะไร ? ฉากบางฉาก สามารถใช้ภาพสัญลักษณ์อื่นแทนเลือดและการทารุณกรรมได้นะครับ ในแง่ของปมประเด็นทางจิต ผมกลับมองว่าเหตุที่เกิดไม่น่าจะส่งผลกระทบทางจิตใจ จนส่งผลต่อมาให้ตัวละครประพฤติได้เกินเหตุเยี่ยงนั้น .. และสิ่งที่ผมเชื่อว่าคนดูจำนวนมากจะต้องคาใจ

.............................อะไรคือฝัน อะไรคือจริง อะไรคือจินตนาการ ตรงใหนคือหลอน ? ตัวละครไม่ควรสาดใส่เข้ามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า บางฉากควรระบุได้ว่าตรงนั้นคือภาพหลอนของใคร หรือเป็นแค่จินตนาการส่วนตัวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อาทิเช่น ฉากเด็กโรคจิตที่ใหนไม่รู้เข้ามาลูบคลำๆของใช้ในบ้านก่อนจะโดนฆ่า ? จริงอยู่ที่ปมที่หนังวางไว้อาจจะทำให้นางเอกสติแตกได้ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่แรงพอ และปมที่ตัวพระเอกหรือ หนุ่มปิงปิง ที่มีปัญหาทางจิต กลับไม่ได้รับการคลี่คลายว่า เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่สมัยเด็กของเค้าหรือเปล่า ถึงได้แสดงออกแบบนั้น ผมเห็นว่าคนทำหนังมีสิทธิที่จะตอบสนองตัณหาตัวเองได้เต็มที่ แต่ต้องมีชั้นเชิงในการนำเสนอด้วย ไม่งั้นก็จะกลายสภาพเป็นเพียงแค่หนังขายแหวะเท่านั้นเอง !! ถ้าจะใส่ว่าตรงใหนคือความจริง หนังต้องทำให้ดูน่าเชื่อถือด้วย แต่ถ้าจะเล่นว่ามันคือภาพหลอน ก็ต้องเก็บรายละเอียดให้ดี ?

.............................ขอชื่นชมน้องนุ่น dfh ที่เล่นหนังแบบเปลืองตัว ไม่ห่วงสวย แต่ถ้าให้ดีควรจะยอมจูบจริงเพื่อความเป็นมืออาชีพ ( ฮา ) ฉากโรคจิตหลายๆฉากที่เล่นคู่กับคุณผู้กำกับปิงปิง เชื่อว่าถ้าหนังได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง คุณน้องอาจจะได้รับการยกย่องเป็นถึงระดับไอค่อนกันเลยทีเดียว ( ฮาได้อีก ) อาจจะมีแฟนๆคลับเจ้าป้าที่ติดตามมาจากหลายเวป อาจจะอินถึงขั้นช่วยตัวเองตามไปด้วยและบางฉากอาจจะกลัวเจ้าป้าจนฉี่แตกรดกางเกงกันเลยล่ะ ไม่รู้ว่าตัวจริงโรคจิตด้วยป่าว ถึงเล่นได้สมบทบาทขนาดนี้ ( ฮารอบ 3 ) ล้อเล่นนะคะ เผื่อมาอ่านเจอ ~ เอ้อ ถ้าเปลี่ยนบทตัวร้ายจากพ่อนางเอก ให้กลายเป็นไอ้พวกถ่อยๆในเวปเสื่อมที่อ่านกระทู้ เสพเวปจนเกิดคลั่งตามสะกดรอยมาแล้วจับท่านเจ้าป้าขึงพืด แล้วทำทารุณกรรมอย่างรุนแรง น่าจะส่งผลกระทบทางอารมณ์มากกว่านะผมว่า จากนั้นก็ให้เจ้าป้าไล่ตามกลับไปตามฆ่าพวกเด็กนรกทีละคน ทีละคน ข่มขืนก่อนแล้วค่อยฆ่า อูยย์ แค่คิดก็เสียว เอ๊ยมันส์แล้วล่ะ เผลอๆทำภาคต่อเป็นหนังไตรภาคกันได้เลยทีเดียว ~


http://www.pandagroup.pantown.com/