..........รอบสิบปีที่ผ่านมา ก็เคยมีโอกาสไปสอบวัดระดับภาษา โทอิค อยู่บ่อยครั้ง นับได้น่าจะราวๆ 6 - 7 ครั้ง ตั้งแต่สมัยค่าสอบยังสัก 500 แล้วก็ขึ้นมาเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้รู้สึกจะพันสองแล้วมั้ง แพงจริงๆเล้ย แต่ถ้าใช้สิทธิพนักงานบริษัทผมก็เหลือประมาณ 600 กับ 800 คืออันหลังนี่ไปรับผลได้ แต่อันแรกนี่เค้าไม่พิมพ์ผลคะแนนให้ แต่จะส่งมาที่บริษัทเลย ก็สนุกดีครับ เป็นการท้าทายและก็วัดผลความสามารถไปในตัว ผลโทอิคนี้ก็มีหลายบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว สายการบิน และอีกหลายองค์กรที่เอามาเป็นตัววัดความสามารถ บ้างก็ได้ค่าภาษา หรือมีเบเนฟิตอื่นๆประกอบด้วย หรือไม่ก็เป็นตัวชี้ว่าความรู้คุณมีมากน้อยแค่ใหน ข้อสอบมีสองร้อยข้อ ฟังครึ่งนึง ข้อเขียนครึ่งหนึ่ง ไอ้ที่ยากก็จะอยู่ส่วนหลัง จริงๆข้อสอบชุดนี้ทั้งหมดไม่ยากนะครับ ถ้ามีเวลาทำพอสมควร ปัญหาคือมันต้องทำแข่งกับเวลา พูดง่ายๆก็คือ ส่วนใหญ่แทบจะร้อยทั้งร้อย ทำข้อสอบชุดนี้ไม่ทันครับ
.........เวลามีน้อย ข้อสอบมีเยอะ มีเวลาให้คิดแต่ละข้อน้อยมาก โดยเฉพาะส่วนของการฟังคือรอบเดียวผ่านแล้วผ่านเลย ต้องตาไว หูไว จับคำถามให้ได้ไวๆ แล้วก็รีบตอบ ถ้ารู้ว่าตัวเองทำผิด ห้ามลน ห้ามสติแตก ต้องโยนทิ้งอันที่ผิดพลาดแล้วก็เลยต่อไปเลยครับ ส่วนใหญ่เวลาเราทำอะไรผิดพลาดแล้วเราจะเสียสติ จะเครียด จะกดดัน ทำให้หลายข้อที่ตามมาเราก็จะทำพลาดไปด้วย และรวมถึงส่วนของเทกซ์เช่นกัน ผมเองนั้นจะถนัดส่วนเทกซ์ถามตอบ เพราะว่า ข้อสอบแบบที่มีอะไรให้อ่าน แล้วมีคำถามนั้น เราทำได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงร้อยก็เกือบร้อย เพราะข้อความแบบที่ส่งให้มาหรือตามหนังสือพิมพ์ เราอ่านได้อยู่แล้ว ไม่พลาดแน่ๆ ยกเว้นเจอคำถามลวง ต้องดูให้ดีๆ แต่จะยากก็ตรงส่วนของแกรมม่า เช่น รูปประโยคแบบใหนมีคำผิด หรือการเลือกคำศัพท์ ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก ตรงนี้จะพลาดได้ แนะนำให้ทำทีหลังครับ ทำส่วนที่ตัวเองถนัดก่อน แล้วค่อยเลือกทำส่วนที่ตัวเองไม่ถนัดอันหลังสุด หรืออาจจะมั่วไปก็สุดแท้แต่ จริงๆตรงนี้มีเทคนิคมากมายที่อยากแนะนำ เช่นการฟัง ถ้าฝึกฟังข่าว หรือฟังรายการต่างประเทศให้เยอะไว้ ก็จะคุ้นเคยกับสำเนียงฝรั่งครับ จะมีโอกาสฟังได้คล่องและลื่นมากขึ้น ส่วนแกรมม่านี่คงต้องอาศัยพื้นๆแล้วครับ ไม่สามารถติวอะไรได้
http://www.pandagroup.pantown.com/
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น