วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Joblovenuk's วิจารณ์ Redemption .... หนังของท่านเจ้าลัทธิปิงปิง !!

Redemption ( ไถ่บาปด้วยบุญมาร ) .... 2 ดาวครึ่ง ....

............................ถ้าคิดจะทำหนังคัลท์ ก็ต้องเอาให้มันสุดๆไปเลยครับ ผมเคยบอกไว้หลายทีแล้ว ส่วนใหญ่หนังคัลท์ที่ได้รับการยกย่องในโลกใบนี้โดยมากมักจะเป็นหนังที่สุดโต่ง เอาให้ถึงสุดทาง บ้าก็บ้าหลุดโลก ตลกก็เอากันให้ตายไปเลย ห้ามกั๊กเด็ดขาดครับ เพราะหนังคัลท์เนี่ยคนดูมีแค่สองทางเลือกครับ ไม่ชอบก็เกลียดกันไปเลย ? สาเหตุที่นักดูหนังจดจำหนังคัลท์ได้ก็เพราะความบ้าดีเดือดของคนทำหนังคัลท์เหล่านั้นนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่นหนังของผู้กำกับ จอห์น วอลเตอร์ ที่ทำหนังคัลท์ต่ำๆออกมาเยอะมาก มีกระทั่งฉากกินขี้เป็นต้น ฯลฯ ปัญหาหนักของ Redemtion ก็คือมันยังไม่กล้าพอที่จะบ้าไปในสุดทางอย่างที่ผมเรียนเอาไว้ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากความที่ผู้กำกับต้องการจะใส่สารลงมาในแนวทางที่หลากหลาย จนเกือบจะเหมือนหนังทดลอง ทำให้หนังหลุดประเด็นและหลุดคอนเซปที่วางไว้แต่ต้นอย่างน่าเสียดาย ผมเชื่อว่าก่อนถ่ายทำถ้าหากว่ามีการระดมความคิดในการทำบทหนัง อาจจะทำให้หนังมีหน้าตาออกมาน่าสนใจกว่าที่เห็นอยู่ ? อ่านกันต่อครับ เด๋วผมจะชำแหละหนังเป็นจุดๆอย่างละเอียดเลย

............................Redemption มีพล็อตหลวมๆว่าด้วยการพัวพันของนักการเมืองชั่ว ผู้มีอิทธิพลใต้ดิน และลัทธิประหลาดลี้ลับนามว่า " ลัทธิปิงปิง " มีการลักพาตัวลูกสาวของเจ๊ใหญ่ ผู้มีอำนาจค้ำฟ้าไปเพื่อการบางอย่าง และตัวละครทั้งหลายก็มีความพัวพันกันอยู่มั่วไปหมด แต่พูดก็พูดเหอะอย่าไปสนพล็อตเลย นี่คือหนังที่ผมคิดว่าผู้กำกับปิงปิง แกใส่เรื่องที่อยากใส่ลงมากะทันหัน ก่อนจะเอาไปสลับสับตัดต่อกันในภายหลัง มันเหมือนหนังที่คิดเรื่องไว้คร่าวๆแต่ขาดการขัดเกลาอยู่พอสมควร น่าจะคล้ายๆกับหนังของ หว่อง กาไว ? ครึ่งแรกของหนังสนุกมาก แต่ครึ่งเรื่องหลังของหนังยังมีปัญหาอยู่มากพอสมควร ด้วยความที่ผู้กำกับพยายามเปลี่ยนโทนหนัง จากตลกร้ายเสียดสี ให้กลายเป็นหนังที่มีเนื้อหาจริงจังขึ้นมากระทันหัน มุขตลกของหนังโดยรวมๆถือว่าเวิร์คอยู่แล้ว แต่การเสียดสีต้องเกลาให้คมคายกว่านี้หน่อย พูดตรงๆเลยนะครับหนังเรื่องนี้อาจจะดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนแนวไปเป็นหนังทริลเล่อร์เต็มตัวแบบจริงจัง หรือไม่ก็หนังฮาบ้าหลุดโลกโดยไม่ต้องสนใจความเป็นจริงแม้แต่นิด คือเอาแฟนตาซีให้มันสุดๆแบบครึ่งแรกน่ะครับ

............................ไถ่บาปด้วยบุญมาร อาจจะกลายเป็นหนังที่บ้ามาก หรือสยองมาก ถ้าจับหัวใจของความเป็นลัทธิประหลาดที่กำลังเข้าไปสิงสู่อยู่ภายในจิตใจคนหมู่มากได้สำเร็จ ส่วนเรื่องการต่อต้านทุนนิยม หรือซาตานอะไรนั่น ถ้าเล่าให้มันบ้าๆไปเลย จะน่าอินได้มากกว่าเล่าให้มันดูเป็นการเป็นงาน หนังมีซีนที่น่าประทับใจอยู่หลายฉาก หากว่าแยกหนังออกมาเป็นส่วนๆ เป็นหนังสั้นหลายเรื่องหรือ เอ็มวี อาจจะทำให้มันเป็นงานชั้นดีได้ไม่ยาก แต่ถ้าเอามาผสมผสานต่อฉากเป็นหนังยาวแล้ว มันกลับดูขาดๆเกินๆอย่างบอกไม่ถูก ผกก.แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเล่าเรื่องเป็น และถ่ายทอดภาพหลายๆฉากออกมาได้อย่างลื่นไหล เทคนิคพิเศษทางภาพแบบหนังทุนต่ำก็ถือว่าทำออกมาได้ในระดับสอบผ่าน เพลงประกอบหลายๆเพลงถือว่าติดหู และเข้าที การแสดงของนักแสดงระดับสมัครเล่นหลายๆคนก็ถือว่าไม่เลวเลยแหละครับ โดยนักแสดงที่ถือว่าเล่นได้เข้าตาที่สุดก็คงเป็น อ.ประจวบ ในบท นายพลแจ้ เฮียเล่นแบบขโมยซีนในหลายต่อหลายฉาก บทจะขำก็ทำได้ บทจริงจังก็ยังปั้นหน้าตายได้เนียนอีกด้วย !!

............................ภาพยนตร์มีการรับอิทธิพลมาจากหนังดังหลายเรื่อง มีบางฉากที่ไม่น่าจะเอามาใช้เช่น ฉากปืนจ่อหัวสามคน ( จอห์น วู ) หรือฉากรัสเซียน ลูเล็ท ( หนังสงครามเวียดนามจำชื่อไม่ได้ ) หรือฉากที่นางเอกพาพระเอกหนี ก็ละม้ายคล้ายหนังที่โจวเหวินฟะเล่น แม้ฉากเลียนแบบบางฉากจะทำได้เข้าท่าก็ตามที แต่ถ้านำเสนอสไตล์ที่เป็นออริจินอลบ้าง ก็น่าจะทำให้หนังดูมีสไตล์มากขึ้น แปลกใจที่หนังไม่ยักกะมีฉากปลอมตัวแบบสวมหน้ากาก หรือฉากฝันซ้อนฝันอะไรเทือกๆนั้น รวมไปถึงฉากแฟลชแบ็คของตัวละครหลายตัวน่าจะทำให้อธิบายความเป็นมาได้น่าสนใจขึ้น ใหนๆหนังก็มีหลายฉากที่ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว การพยายามทำให้ทุกอย่างเคลียร์ในช่วงฉากท้ายๆ ผมว่ามันทำให้บทสรุปดูแปร่งๆแปลกประหลาดอยู่ไม่ใช่น้อย หรือไม่ก็น่าจะเพิ่มความพร่าเลือนของเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับความวิปลาสลง หรือหักมุมอีกตลบ อาทิให้นายพลแจ้ กลายร่างเป็นอัครสาวกของลัทธิปิงปิงไปเลย หรืออะไรประมาณนั้น ? พูดง่ายๆใหนๆจะชวนสับสนแล้วก็ต้องเอาให้มันเซอร์แตก แหวกชิมิไปเล้ย


http://www.pandagroup.pantown.com/

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

The story about you and me ....หนังรักรสประหลาดของตัวประกอบ ปิงปิง + น้อง dfh ?

รักของเรา ( The story about you and me ) .... 2 ดาวกว่าๆ ....

.............................หนังส่วนตัวของ คุณผู้กำกับ Alwa ritsila หรือที่รู้จักโด่งดังในวงการในนาม ตัวประกอบ ปิงปิง แต่หนังรักเรื่องนี้คุณปิงปิง ไม่ได้เป็นตัวประกอบอย่างใด หากแต่เป็นพระเอกคู่กับ เจ้าป้าหมื่นดราม่า อย่าง น้องนุ่น dfh ความน่าสนใจก็ย่อมต้องสูงเป็นธรรมดา ใครๆก็อยากรู้ว่าสองคนนี้จะแสดงหนังกันได้สะเด็ดเด่าขนาดใหน ? มองดูแบบผิวเผิน นี่คือหนังที่โรคจิตมากๆ แต่ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกกันแล้ว หนังเรื่องนี้ก็คือหนังจิตป่วงเรื่องนึงอยู่ดี ? หนังเล่าเรื่องราวของเพื่อนชายหญิงคู่นึง ที่ห่างหายกันไปหลายปีตั้งแต่เรียนจบ แล้วอยู่มาวันนึง สาวเจ้าก็เกิดคิดถึงเพื่อนชาย อยากกลับมาเจอ อยากขอไปอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง อันนี้ไม่รู้ว่าอิงจากเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องแต่งล้วนๆก็ไม่ทราบ แต่รู้สึกว่าหนังมันมีอีโมชั่นมากๆ แล้วก็มีความรู้สึกว่ามัน " จริง " เอามากๆ !! หากแต่ว่ารายละเอียดรายล้อมบางอย่าง ดูแต่งเติมมากไป

.............................ปัญหาประการสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คงคล้ายๆที่เกิดกับหนังอินดี้ หนังทุนต่ำ โฮมเมดเรื่องอื่นๆนั่นแหละมั้ง คือเรื่องของการบันทึกเสียงที่ฟังอู้อี้ไม่ค่อยชัด แล้วก็จงใจใส่เสียงบรรยากาศรอบข้างมากเกินไป ถ้าตัดเสียงออกไปใช้แต่ดนตรีประกอบ หรือซาวเอฟเฟค ที่ทำเองได้ น่าจะทำให้หนังดูดีขึ้นกว่านี้ สำหรับส่วนของการเล่าเรื่องหนังทำได้ดีพอสมควร ปิงปิงลำดับเรื่องออกมาดี ปัญหาหนักกว่าเรื่องบันทึกเสียงก็คือ บทหนังครับ !! หนังรุนแรงมาก จริงๆผมไม่มีปัญหาอะไรกับความรุนแรงของหนังเลย แต่มันเลยเถิด มากเกินไปหรือเปล่า ? เพื่ออะไร ? ฉากบางฉาก สามารถใช้ภาพสัญลักษณ์อื่นแทนเลือดและการทารุณกรรมได้นะครับ ในแง่ของปมประเด็นทางจิต ผมกลับมองว่าเหตุที่เกิดไม่น่าจะส่งผลกระทบทางจิตใจ จนส่งผลต่อมาให้ตัวละครประพฤติได้เกินเหตุเยี่ยงนั้น .. และสิ่งที่ผมเชื่อว่าคนดูจำนวนมากจะต้องคาใจ

.............................อะไรคือฝัน อะไรคือจริง อะไรคือจินตนาการ ตรงใหนคือหลอน ? ตัวละครไม่ควรสาดใส่เข้ามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า บางฉากควรระบุได้ว่าตรงนั้นคือภาพหลอนของใคร หรือเป็นแค่จินตนาการส่วนตัวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อาทิเช่น ฉากเด็กโรคจิตที่ใหนไม่รู้เข้ามาลูบคลำๆของใช้ในบ้านก่อนจะโดนฆ่า ? จริงอยู่ที่ปมที่หนังวางไว้อาจจะทำให้นางเอกสติแตกได้ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่แรงพอ และปมที่ตัวพระเอกหรือ หนุ่มปิงปิง ที่มีปัญหาทางจิต กลับไม่ได้รับการคลี่คลายว่า เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่สมัยเด็กของเค้าหรือเปล่า ถึงได้แสดงออกแบบนั้น ผมเห็นว่าคนทำหนังมีสิทธิที่จะตอบสนองตัณหาตัวเองได้เต็มที่ แต่ต้องมีชั้นเชิงในการนำเสนอด้วย ไม่งั้นก็จะกลายสภาพเป็นเพียงแค่หนังขายแหวะเท่านั้นเอง !! ถ้าจะใส่ว่าตรงใหนคือความจริง หนังต้องทำให้ดูน่าเชื่อถือด้วย แต่ถ้าจะเล่นว่ามันคือภาพหลอน ก็ต้องเก็บรายละเอียดให้ดี ?

.............................ขอชื่นชมน้องนุ่น dfh ที่เล่นหนังแบบเปลืองตัว ไม่ห่วงสวย แต่ถ้าให้ดีควรจะยอมจูบจริงเพื่อความเป็นมืออาชีพ ( ฮา ) ฉากโรคจิตหลายๆฉากที่เล่นคู่กับคุณผู้กำกับปิงปิง เชื่อว่าถ้าหนังได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง คุณน้องอาจจะได้รับการยกย่องเป็นถึงระดับไอค่อนกันเลยทีเดียว ( ฮาได้อีก ) อาจจะมีแฟนๆคลับเจ้าป้าที่ติดตามมาจากหลายเวป อาจจะอินถึงขั้นช่วยตัวเองตามไปด้วยและบางฉากอาจจะกลัวเจ้าป้าจนฉี่แตกรดกางเกงกันเลยล่ะ ไม่รู้ว่าตัวจริงโรคจิตด้วยป่าว ถึงเล่นได้สมบทบาทขนาดนี้ ( ฮารอบ 3 ) ล้อเล่นนะคะ เผื่อมาอ่านเจอ ~ เอ้อ ถ้าเปลี่ยนบทตัวร้ายจากพ่อนางเอก ให้กลายเป็นไอ้พวกถ่อยๆในเวปเสื่อมที่อ่านกระทู้ เสพเวปจนเกิดคลั่งตามสะกดรอยมาแล้วจับท่านเจ้าป้าขึงพืด แล้วทำทารุณกรรมอย่างรุนแรง น่าจะส่งผลกระทบทางอารมณ์มากกว่านะผมว่า จากนั้นก็ให้เจ้าป้าไล่ตามกลับไปตามฆ่าพวกเด็กนรกทีละคน ทีละคน ข่มขืนก่อนแล้วค่อยฆ่า อูยย์ แค่คิดก็เสียว เอ๊ยมันส์แล้วล่ะ เผลอๆทำภาคต่อเป็นหนังไตรภาคกันได้เลยทีเดียว ~


http://www.pandagroup.pantown.com/

วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

~ วันเงินเดือนออก น้องๆในแผนกหยุดไปใช้ตังกันหมด ? ~

...........................เช้าๆแบบนี้บรรยากาศเงียบเหงาเลย นึกอยากพิมพ์ไรเล่นๆ วันนี้เฝ้าร้านคนเดียวเหงาหงอย จริงๆต้องมีน้องๆอยู่ด้วยอีกสองคน แต่เขาหยุดไปใช้ตังกันหมด ก็แน่ละเดือนนี้ได้กันเยอะด้วย เพราะเดือนก่อนมีเงินตกค้างที่เกิดจากความผิดพลาดของแอดมินเขาเคลียร์ให้ไม่ครบ ก็ณเลยเท่ากับได้เงินก้อนเกือบๆเหมือนได้เงินสองเดือน แน่นอนว่าพอรับเยอะ ก็เจอภาษีกันเยอะ โดนกันคนละห้าหกพัน ของผมโดนไป 6171 บ. นึกแล้วเสียดายๆเหมือนกัน คือถ้าเงินภาษีขนาดนี้ต่อเดือน เราเอาไปจ่ายให้กับ ตำรวจทหารภาคใต้ หรือครู หรือข้าราชการดีๆเราก็ไม่เสียดายหรอกครับ แต่นี่เสียไปให้กับไอ้พวกเงินเดือนหัวปิงปองจอมรีดไถ หรือว่าพวกทำมาหาแดกกับความเดือดร้อนของเรา เช่นให้เงินพวก ศ.อ.ฉ. ที่วันๆเบิกงบไปไม่รู้เท่าไหร่ กินกันสะดือปลิ้น หรือแม้แต่พวกทหารที่เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิไป 91 ศพ !!

...........................เงินภาษีของเราเอง จ่ายไปให้กับพวกเหี้ยนี่ซื้อกระสุนมายิงพวกเราเอง มันบัดซบใหมล่ะครับ แกนนำเสื้อแดง โดนขังคุกแทบลืมไปครึ่งค่อนปีแล้ว แต่แกนนำเสื้อเหลือง และไอ้พวกหลากสี มันได้สัมผัสรสชาติลูกกรงหรือก็ยัง นี่แหละครับบ้านเมืองสองมาตรฐาน อยู่กันได้ก็อยู่กันไป หลายคนบอกสำนึกบุญคุณประเทศชาติ ผมสงสัยว่าจะสำนึกไปทำไม ประเทศชาติสิควรสำนึกบุญคุณเรา ก็เราจ่ายตังให้อยู่ทุกเดือนๆ ไอ้พวกที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเราสิ ควรจะสำนึกซะบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเย่อหยิง ผยอง จองหองพองขน ทั้งๆที่มีกินมีใช้จากหยาดเหงื่อ น้ำพักน้ำแรงของพวกเราแท้ๆ !! ถ้ามีโอกาสเลือก ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากอยู่ในประเทศแบบนี้หรอกครับ เค้าก็ไปอยู่ในประเทศที่พัฒนากว่า ความเป็นอยู่ดีกว่านี้กันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะยุโรป อเมริกา คงไม่มีใครอยากดักดานอยู่อย่างนี้ แต่เพราะมันไปไม่ได้ ก็เลยต้องทนไป คงไม่มีพ่อแม่คนใหนอยากให้ลูกโตขึ้นมาในประเทศแบบนี้ ถ้าเลือกได้ จริงใหมครับ

...........................ตอบแบบไม่สร้างภาพนะครับ ระหว่างให้ลูกโตขึ้นมาในประเทศด้อยพัฒนา เผด็จการครองเมืองเบ็ดเสร็จ กับ โตขึ้นมาในประเทศพัฒนาแล้ว มีการศึกษาดีกว่า มีความเป็นอยู่ดีกว่า คุณภาพชีวิตดีกว่า ถ้าใครเลือกตอบแบบแรก ผมว่าก็คงเป็นพ่อแม่ที่โง่เต็มที ระหว่างทำงานเหมือนกัน ได้เงินเดือน 3 แสน กับทำงานแบบเดียวกันได้เงินเดือน 3 หมื่นบาท เอ้า ไม่ต้องฉลาดมากก็คงคิดกันได้ ชิมิ ชิมิ ?? กลับมาต่อ จะว่าไปแล้วถึงได้เงินน้อยแต่ถ้ารู้จักประหยัด ก็คงรวยกันได้ไม่ยาก อย่างน้องในแผนกผมคนนึง แกโสด ขยัน ประหยัด ตอนนี้เงินเก็บก็เกือบล้านแล้ว ขณะที่ตัวผมและอีกหลายๆคนยังต้องจ่ายหนี้แทบไม่หมดไม่สิ้น เมื่อก่อนผมก็ไม่แย่ขนาดนี้นะ รับผิดชอบการเงินดีกว่านี้เยอะ แต่ก็ไม่อยากจะโทษว่ามึครอบครัวแล้วทำให้ใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น รับเงินเดือนขนาดนี้แต่หนี้ไม่เคยหมดสักที รู้ถึงใหนก็อายไปถึงนั่น

http://www.pandagroup.pantown.com/

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Despicable Me / บุญชู จะอยู่ในใจเสมอ .... เรื่องแรกจบสวย เรื่องหลังจบห่วย !!

Despicable Me ( สามดาว )
บุญชู จะอยู่ในใจเสมอ ( สองดาว )

...........................เช่าหนังแถวบ้านมา ไม่ค่อยมีอารมณ์ดูหนังเท่าไหร่ คงเพราะไม่มีโปรแกรมเด็ดๆด้วยล่ะมั้ง แถมร้านเช่าริมบ้านก็ไม่ต้องรีบไปคืนหนังด้วย ก็เลยดองไว้ก่อน จนได้ที่ก็หยิบมาดู เรื่องแรกเห็นว่าคำวิจารณ์ดี แต่เนื้อหาพูดตรงๆไม่ค่อยสนุกเลย ตัวละครก็ไม่น่ารัก พัฒนาการของตัวละครก็เล่นง่ายไปหน่อย โชคดีที่ช่วงท้ายหนังเล่าได้ซึ้งพอสมควร ก็เลยทำให้หนังดูดีขึ้นอีกเป็นกอง แต่เมื่อเทียบกับอนิเมชั่นหลายเรื่องในรอบปีนี้ ผมว่า Despicable ก็ดูเหมือนจะเป็นรองอยู่พอสมควร ถ้าได้ชิงออสการ์จริงก็ไม่น่าจะได้รางวัลหรอกครับ แค่ได้ชิงก็บุญหัวแล้ว ปีนี้ถือเป็นปีทองอีกปีสำหรับหนังการ์ตูนครับ ส่วนตัวแล้วชอบ How to train your dragon หรือ Toy Story 3 มากกว่าเยอะเลยล่ะครับ ถ้าไม่คิดมากก็พอดูได้นะ

..........................บุญชู ภาคล่าสุด ผลงานกำกับของซูโม่ กิ๊ก ถือว่าน่าผิดหวังมากๆ ปีนี้ไม่ค่อยเจอหนังห่วยเท่าไหร่ เพราะคัดเลือกหนังดูเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหนังโรงหรือหนังแผ่น แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำได้แย่ซะจนมีโอกาสติด 1 ใน 10 หนังห่วยในรอบปีของผม นับว่าเป็นเกียรติยิ่งนัก แล้วก็ทำให้ลิสท์ผมเต็มสักที หลังจากรอตั้งนานไม่รู้จะเลือกเอาเรื่องใหน เพราะส่วนใหญ่มันก็ดีเกินกว่าจะติดลิสท์หนังห่วยได้ ? ผมคิดว่าถ้าอาบัณฑิตมองลงมาจากท้องฟ้า ผมว่าแกน่าจะผิดหวังกับหนังภาคต่อชุดบุญชู หนังที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของอาไปแล้ว หนังมันติงต๊อง แล้วก็ตลกปัญญาอ่อนมากๆ ไอ้มุขแบบใสซื่อเทือกๆนี้ถ้าเล่นเมื่อ 10 - 20 ปีก่อนอาจจะเวิร์ค ถ้ามาเล่นสมัยนี้ ผมว่ามันตกยุคไปแล้วครับ แล้วเหตุผลในหนังนี่ดูเลื่อนลอยสุดๆ ถึงจะดูเอาเพลินๆก็ยังอดตะขิดตะขวงใจไม่ได้เลยครับว่า เฮ้ย อะไรมันจะเลอะเทอะขนาด

..........................หนังมีดีอยู่บ้างในแง่ของการถ่ายภาพ ซึ่งถ่ายวิวทิวทัศน์ออกมาได้สวยมากๆ กับตัวละครที่มีเสน่ห์อยู่ในตัวบ้าง โดยเฉพาะน้องจันทร์หอม ซึ่งผมไม่รู้ว่าชื่อจริงชื่ออะไร เป็นดาราหน้าใหม่ที่หน้าใสและน่ารักมากครับ ช่วยหนังไว้ได้เยอะ ดนตรีประกอบนี่เกาหลีสุดๆ ช่วงแบ่งแยกตัวละคร เป็นช่วงผู้ใหญ่ กับช่วงเด็ก ดูจะหลุดกันมากไปหน่อย เมื่อเทียบกับหนังแนวคล้ายๆกันอย่าง วัยอลวน 4 ดูเหมือนเรื่องหลังจะทำออกมาได้กลมกล่อม ลงตัวกว่ากันมากมาย !! มีหลายอย่างในหนังที่ดูเหมือนรับอิทธิพลหนังเรื่องอื่นมาเยอะ รายละเอียดปลีกย่อย ซีนการแสดง แม้แต่รถที่พวกคณะบุญชูใช้ ผมยังคิดว่ามันน่าจะมาจาก Little miss sunshine แน่ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเค้าจะเอามาแซวให้เป็นมุข คือมันเหมือนลอกเลียนน่ะ ฉากตัวร้ายยิ่งเลอะเปรอะใหญ่ เสียดายแทนคนดัง ดาราดังมากมายที่มารับเชิญ เสียของจริงๆครับ

www.pandagroup.pantown.com

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Joblovenuk ขำกลิ้ง " ม๊อบเสื้อเหลือง " เต็มอนุสาวรีย์ !!



ดูพวกนี้มันทำซิ คนมากันหน่อยเดียว เลยต้องใช้ซีจีทำเป็นม๊อบว่าเยอะ หลอกคนไม่ได้นะเนี่ย ทำได้แค่หลอกควาย อย่างฮา เห็นแล้วขำทุกที มันคิดได้ไงเนี่ย ไม่โง่จริงทำไม่ได้นะครับ เนี่ย ไอ้พวกง่าววววววว



www.pandagroup.pantown.com

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

** ใครเคยไปถ้ำกระบอกครับ ขอฟังเรื่องราวหน่อยสิ **



.....................เมื่อวานมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่จากในเวปคนหนึ่งเค้าขับรถจากหาดใหญ่ เพื่อจะไปส่งญาติ หรือคนรู้จักเพื่อไปบำบัดที่วัดถ้ำกระบอก ผมฟังแล้วก็รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่แน่ใจว่าวัดถ้ำกระบอกนี้มันเป็นเหมือนที่เราเคยเห็นในหนังหรือเปล่า หรือว่ายังมีความเคลื่อนไหวยังไงกันบ้าง เคยได้ยินว่ามันปิดไปแล้ว แถมมีบางช่วงที่มีการค้ายาและมีพวกม้งพวกแม้ว ก่อความวุ่นวายในวัดอีกด้วย เสียดายที่เพื่อนเค้าโทรมาปรึกษากันช้าไปหน่อย เล่นโทรมาตอนที่กำลังจะไปอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เลยเช็คข่าวให้ได้ไม่ละเอียดพอ

.....................โทรไปหาเพื่อนที่เป็นนักข่าว เค้าก็บอกว่าได้ยินเหมือนเรา คือวัดปิดไปแล้ว และก็ไม่มีงบประมาณทำอะไร ตอนนี้ไม่มีการบำบัด โทรไปเช็คที่ข่าวสดตามเบอร์ที่ให้มา เค้าเช็คได้แค่เบื้องต้นว่าวัดยังไม่ปิด และยังมีการรักษาผู้ติดยาเหมือนเดิมอยู่ โทรร่วมด้วยช่วยกัน เค้าก็บอกตรงกัน สุดท้ายก็เลยต้องให้เพื่อนเสี่ยงดวงไปวัดถ้ำกระบอก ไปดูกับตาตัวเองว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ ความจริงวันนี้ เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็เคยได้ยิน ได้ฟังมา แต่ไม่เคยเห็นกับตาหรอกครับ เพราะคงมีน้อยคนที่ยอมบอกว่า ตัวเองเคยติดยา หรือเคยไปบำบัดในลักษณะแบบนั้น ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดอยู่ในหัว

.....................เสียดายว่าวันนี้ต้องมาทำงาน ไม่งั้นก็อาจจะขับรถไปสระบุรีสักหน่อย เพราะไม่ได้เจอกับเพื่อนซันมาตั้งนานแล้ว และสระบุรีก็ไม่ไกลบ้าน ขับรถแค่ไม่เกินชัวโมงก็ถึงแล้วครับ เพราะจากบ้านผมก็อยู่เกือบๆถึงบางปะอินอยู่แล้ว เลี้ยวนิดเดียวก็เข้าสระบุรีได้ อยากไปเห็นกับตา ไปถ่ายภาพมาโพสท์เหมือนกันครับ เพื่อนๆในเวปจะได้เห็นว่า วัดถ้ำกระบอกปัจจุบันนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ ยังมีการให้คนติดยามาอ๊วกๆๆ เป็นแถวๆเหมือนในหนังที่เราเคยดูตั้งแต่สมัยเด็กๆหรือเปล่า ? เท่าที่โทรไปคุยล่าสุดตอนสายๆ เห็นว่า ที่วัดยังมีกระบวนการรักษาผู้ติดยาเหมือนเดิม โดยไม่ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้ เอาเงินไปให้ที่ออฟฟิศ แล้วออฟฟิศจะให้เป็นคล้ายๆคูปองทานข้าวกับผู้ป่วยที่มารักษา เห็นว่าต้องรักษาประมาณ 15 วัน แล้วก็คงจะให้พี่สาวเค้ามารับไปส่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้หายขาดจากการติดยาได้หรือเปล่า เพราะสมัยนี้สิ่งยั่วยวน เร่งเร้าให้กลับมาติดยามันมีเยอะเหลือเกิน ก็ได้แต่ส่งใจและหวังว่าผู้ติดยาคนนั้นจะเลิกละ ยาเสพติด กลับเป็นคนดีของสังคมได้ด้วย

www.pandagroup.pantown.com

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

** พัฒนาการที่สวนทาง ระหว่างคนแก่ และเด็กน้อย **






..................ช่วงนี้อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็นสบาย เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะนอนกันแบบไม่ต้องเปิดแอร์ได้อย่างมีความสุข แต่ที่บ้านผมก็ยังเปิดแอร์อยู่เพราะน้องมูวี่เค้าติดแอร์ไปแล้ว ส่วนห้องคุณย่ากับพี่เลี้ยง ตอนนี้ก็แค่เปิดหน้าต่างก็สบายแล้วครับ ประหยัดไฟ อิอิ ตื่นเช้ามาก็ประมาณ 7 โมง 7 โมงกว่าๆก็ลงมาด้านล่าง เห็นคุณย่าท่าทางอยากไปเที่ยว แต่พอดีวันนี้ทำงาน เมื่อวานก็ไม่ค่อยสบาย เลยนอนอยู่บ้านไม่ได้ไปใหนเลย สงสารแกเหมือนกัน ว่าแล้วก็เลยชวนแกไปเดินเล่นแถวๆบ้าน คุณย่ายังดูแข็งแรงพอประมาณ

..................แต่คุณย่าก็เดินช้าลงไปมากๆ ที่บ้านไม่มีไม้เท้า แต่ถึงมีก็ไม่อยากให้ใช้ อยากให้แกพยายามเดินเองมากกว่า พาแกเดินได้ประมาณสัก 5 - 60 เมตร ก็เดินเลี้ยวกลับครับ ไปไกลมากเด๋วไม่ไหว แกจะเหนื่อย คนเราแก่ตัวลงนี่ก็แปลกนะ เหมือนเด็กเล็กเข้าไปทุกทีๆ ทั้งนิสัย และการช่วยเหลือตัวเอง เด๋วนี้มูวี่เองยังสวนทาง ยิ่งเก่งขึ้นทุกวันๆ ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ชนิดที่เราตามแทบไม่ทันอยู่แล้ว ขี่จักรยานงี้ไวสุดๆเลยค่ะ ขอให้ช่วยทำอะไรก็ทำได้หลายอย่าง เข้าห้องน้ำห้องส้วมเองได้ ใส่เสื้อผ้าถอดผ้าแปรงฟันได้

..................ขณะที่คุณย่า เริ่มจะอ้อน งอแง ชอบกอด เหมือนเด็กๆไปแล้ว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หลายๆอย่าง ต้องป้อนข้าวแทน อ่านหนังสือก็ไม่แข็งแล้ว ห้องน้ำก็เข้าไม่เป็น ต้องใช้แพมเพิสช่วยเหมือนเด็กเล็กๆ ส่วนมูวี่ไม่ต้องใช้แพมเพิสตั้งนานแล้ว อยากจะพาคุณย่าคุณหลานเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่ตอนนี้มูวี่ก็เปิดเทอมแล้ว อีกอย่างวันหยุดผมก็เหลือน้อย เพราะใช้วันหยุดต้นปีไปเยอะเกิน เหลือหยุดได้แค่เดือนละห้าวัน กะว่าวันหยุดหน้าจะพาแกไปนั่งรถเล่นสักแถวๆเขาใหญ่สะหน่อย ไม่รู้ว่าน้ำจะหายท่วมหรือยังหนอ ?

www.pandagroup.pantown.com