วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

= Green Zone = หลอกลวงชาวโลกเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ? อเมริกันชาติชั่ว ?

Green Zone ( โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด ) .... 2 ดาวครึ่ง ....

........................มองดูเผินๆเหมือนฮอลลีวู๊ด จะทำหนังตีแผ่ประเทศตัวเอง กับสงครามที่ไร้สาระสิ้นดีในการรุกรานประเทศที่การทหารด้อยกว่ามากๆอย่างประเทศอิรัก อัฟกานิสถาน แต่ทว่าถ้ามองลึกลงไปจริงๆแล้วงานนี้สหรัฐไม่ได้มีแต่เสียกำลังคนและกำลังเงินหรอกครับ ไอ้ที่ได้กลับมาก็มากมายมหาศาล ลองไปขุดๆค้นๆดูผลประโยชน์ต่างๆที่ทางอเมริกา ทำกับรัฐบาลหุ่นเชิดอิรักสิครับ เอ หรือตอนนี้อิรักยังไม่มีรัฐบาลซะด้วยซ้ำไปหว่า ? ถ้าถามผมว่าทุกวันนี้ประเทศอะไรที่เลวที่สุดในโลก ผมคงต้องขอตอบทันทีอย่างไม่ลังเลเลยว่า ประเทศไ .. อุ๊ยส์ ไม่ใช่ ประเทศอเมริกา สิจ๊ะ ~ เพราะมีแต่ประเทศหน้าโง่บางประเทศแถวเอเซียเท่านั้นแหละ ที่ส่งทหาร ส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานในประเทศอื่น แต่ประเทศไม่ได้ผลประโยชน์อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย ? สร้างบรรยากาศความเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้าน แต่ปล่อยให้ประเทศอื่นๆ กอบโกยทรัพยากรเพื่อนบ้าน แถมยังตัดหน้าแย่งส่วนแบ่งเค๊ก การลงทุนธุรกิจต่างๆไปจากตัวเองซะหมด ไม่รู้ว่าใครโง่ ใครฉลาดกันแน่ ?

........................ก่อนมีสงครามรุกรานอิรัก ธุรกิจในอเมริกาซบเซาสุดๆ อาวุธผลิตมาเยอะแยะ ขายไม่ออกล้นตลาด พอหาทางก่อสงครามได้สำเร็จ นอกจากจะได้นำมันและทรัพยากรธรรมชาติปริมาณมหาศาลใช้ทั้งชาติไม่หมด ก็ยังได้เปิดตลาดค้าอาวุธสงครามของตัวเองให้มันกว้างใหญ่ไพศาลต่อไปอีก !! เรียกว่างานนี้ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็ไม่ต่างจากสงครามล่าอาณานิคมสมัยยุคร้อยกว่าปีก่อน แต่ด้วยความที่เดี๋ยวนี้วิทยาการมันกว้างไกล และข่าวสารก็มีการเผยแพร่ ผู้คนก็มีความเจริญขึ้นเพราะฉะนั้น การจะอยู่ๆไปฮุบประเทศเค้ามันก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ก็คล้ายๆกับที่ฝรั่งต่างชาติเค้าไม่ช่วยจับตัวอดีตนายกส่งกลับบางประเทศนั่นแหละ ? แถมยังไม่ให้ความร่วมมือแล้วก็ไม่เชื่อถือ รัฐบาลที่มีคนของตัวเองเคยเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน และเป็นหุ่นเชิดของฝ่ายทหารด้วย ก็ใครจะไปเชื่อถือรัฐบาลที่เที่ยวชี้หน้าด่าประชาชนตัวเองเป็นผู้ก่อการร้ายล่ะครับ ? ว่าแล้วฝ่ายนั่งโต๊ะของพวกอเมริกันก็เลยต้องเสนอไอเดีย การเข้าไปตรวจค้นอาวุธร้ายแรงในประเทศอิรักซะเลย !!

........................ผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้วถึงวันนี้ทุกประเทศ และทุกชนชาติก็รับทราบโดยทั่วกันแล้วว่า อาวุธเคมี อาวุธร้ายแรง อาวุธนิวเคลียร์อะไรทั้งหลายแหล่นั้นน่ะ มันไม่มีหรอกในอิรัก มันก็เป็นเพียงข้อหาสกปรกเพื่อจะเข้าไปยึดประเทศอื่นเขามาเป็นของตัวเองก็เท่านั้น ? เพราะถ้าจะค้นหาอาวุธร้ายแรง หรืออาวุธชีวภาพจำนวนมาก ไม่ต้องไปหาที่ใหนหรอกครับ ประเทศที่มีสะสมอยู่เยอะที่สุด ก็ประเทศอเมริกาของพวกมรึงนั่นแหละ !! การหยิบประเด็นนี้มาสร้างเป็นหนัง ถ้าออกฉายตั้งแต่สัก 6 - 7 ปีก่อน ช่วงอเมริกาบุกยึดอิรักใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นหนังที่น่าตื่นเต้นหรือเป็นการเปิดมุมมองแบบใหม่ๆได้อยู่บ้าง แต่เล่นมาออกฉายปี 2010 เนี่ย ความชั่วของอเมริกาเค้ามีคนมาเปิดโปงไปแล้วไม่รู้กี่ล้านรอบ เพราะงั้นมันก็เลยเป็นอะไรที่คนทั้งโลกเค้ารู้กันหมดอยู่แล้ว มีแต่พวกโง่เง่าในกะลาอย่างพวกไอ้กันเผ่าพันธ์เดียวนั่นแหละ ที่ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ว่าพวกตัวเองออกไปทำรายำตำบอนขนาดใหนกับชาวโลกเค้าไว้บ้าง ? ฮอลลีวู๊ดคงอายมั้ง เลยทำหนังแนวๆนี้

........................พระเอกเป็นนายทหารอเมริกันเข้าไปปฏิบัติภารกิจใน อิรัก แล้วก็เริ่มจับได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างคนของรัฐที่เข้าไปมีเอี่ยวและวางแผนสกปรกหลายๆอย่าง ก็เลยพยายามจะเปิดโปงอะไรทำนองนี้ ? เอ่อ ขอโทษครับ มีนายทหารประเภทใหนที่กล้าปฏิบัติงานแหกคอก นอกเหนือคำสั่งด้วยเหรอครับ ยิ่งในสถานการณ์ล่อแหลมและเสี่ยงชีวิตประเภทนี้ คนดูอย่างผมงงนะครับว่า แกขึ้นตรงกับหน่วยใหน หรือใครกันแน่ ถึงได้กล้าบ้าบิ่นอะไรขนาดนั้น ? เพราะทหารอาชีพเค้าจะต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งเป๊ะๆ ต้องมีวินัยชัดเจน ยิ่งถ้าไม่มีแบคระดับบิ๊กจริงๆหนุนหลังเนี่ย ไม่มีทหารหน้าใหนที่จะทำ หรือ " คิดแตกต่าง " หรอกครับ !! ไม่งั้นไม่แค่ตายนะครับ ถึงรอดมาได้ก็มีสิทธิติดคุกทหารสูงเชียวล่ะ !! บทหนังของไบรอัน เฮลเจลแลนด์เรื่องนี้มั่วซั่วและรั่วจนน่าตกใจครับ สร้างความสับสนให้กับตัวละครได้มาก ขณะที่ผมดูแล้วไม่งงนะครับ แต่มันรู้สึกซ้ำซากและไมน่าสนใจ ส่วนการกำกับของพอล กรีนกราส .. พูดได้คำเดียวว่า " เฮ่อ " ~


www.pandagroup.pantown.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น