วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Princess and The Frog ... ความสุขแบบพอเพียง ฉบับเจ้าชายกบของดิสนีย์ ?



The Princess and the frog ( สามดาว )

...............ผมชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าที่คิดนะครับ หนังอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของ วอลด์ ดิสนีย์ ถือว่ามีพัฒนาการที่น่าสนใจ ด้วยความที่ใช้วิธีการเขียนการ์ตูนแบบ 2 มิติ อย่างเดิม แทนที่จะใช้เป็นการ์ตูนวาดคอม สามมิติ เหมือนอย่างที่ค่ายอืนกำลังทำจนเกร่อ ก็เลยทำให้หนังดูดีกว่าที่ควร ที่สำคัญก็คือ ดิสนีย์กล้าจะฉีกขนบ แบบแผนเดิมๆ ด้วยการบิดและเปลี่ยนโครงสร้างของเนื้อหาเรื่องราวทั้งหมด ก็เลยทำให้หนังมีเสน่ห์กว่าที่ควรจะเป็น เริ่มจากหยิบนิทาน เจ้าชายกบ ออกมาพลิกคาแรคเตอร์ สลับขั้วบทบาทระหว่างเพศ และผิว รวมถึงนิสัยใจคอ บุคลิกต่างๆใหม่ทั้งหมด แต่ไม่หลงและไม่หลุด !! แม้ว่านิสัยหลายอย่างของเจ้าชายอาจจะดูออกร้ายๆ และไม่น่ารัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูเกลียด กลับทำให้คนดูชอบได้ ด้วยความจริงใจที่หนังพยายามนำเสนอ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมดูแล้วขำไปหลายมุข ทั้งๆที่ผมไม่ค่อยจะขำอะไรมากนักเวลาดูหนังการ์ตูน ? ดิสนีย์ สร้างบทเจ้าชายให้เป็นเจ้าชายที่นิสัยดี แต่โดนสปอยด์จนเสียนิสัย สุดท้ายเลยโดนพระราชาไสส่ง เลยกลายเป็นเจ้าตกยาก ต้องมาหาผู้หญิงรวยๆแต่งงานด้วย เพื่อจะได้มีฐานะและความเป็นอยู่ดีๆเหมือนเดิม ? ส่วนนางเอกเป็นผู้หญิงผิวสี คนทำงานที่มีความฝันจะเปิดร้านอาหาร เป็นคนสู้ชีวิตอย่างแท้จริง

...............ทว่าเจ้าชายก็มาโดนพ่อมดเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำเข้าให้ ก็เลยกลายร่างเป็นกบ ปกติถ้าเจอสาวเจ้ามาจูบเค้า ก็จะทำให้คลายคำสาปได้ใช่ใหมล่ะครับ แต่คราวนี้พอจูบกับนางเอกเข้า แทนที่จะกลับกลายเป็นคน นางเอกก็ดันกลายร่างเป็นกบกับเค้าไปด้วย แล้วก็ต้องจับผลัดจับผลูร่วมกันผจญภัย และได้เรียนรู้ระหว่างกันและกันมากขึ้น ช่วงกุ๊กกิ๊กก็ทำได้ดี พัฒนาการของตัวละครทำได้ราบรื่น คาแรคเตอร์ตัวประกอบหนังเรื่องนี้ดีไซน์อาจจะไม่น่ารักนัก แต่ทำให้เราหลงรักได้สำเร็จ ? เพลงประกอบหนังออกแนวแจ๊ซๆ สนุกๆสไตล์ดนตรีของคนอัฟริกันอเมริกัน ฟังเพลินๆ เสียดายที่ผมดูพากษ์ไทย แต่ต้องบอกว่า คนที่พากษ์และร้องเพลงเป็นนางเอก เสียงดีมากๆๆ อยากรู้จริงๆว่าเป็นใครมาร้อง เพราะน้ำเสียงน่าจะเป็นมืออาชีพ !! หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้ดีมาเกือบตลอด จนมาตกม้าตายตอนจบนี่เอง ที่สุดท้ายหนังก็พลิกจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว เพราะมันหักล้างเกือบทุกข้อที่หนังพยายามพรีเซนต์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆๆ แต่ถ้าเกิดทำแบบที่ผมคิด มันก็อาจจะกลายเป็น Shrek เวอร์ชั่นดิสนีย์นั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโดนข้อหา ทำเลียนแบบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

...............คำถามก็คือ ลองได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว คนเราจะรู้จักคำว่า " ชีวิตพอเพียง " หรือมีความสุขในแบบที่เราเป็นอยู่ ได้จริงหรือครับ ? เพราะมนุษย์นั้นล้วนไม่รู้จักพอ ต้องใช้เงินเพื่อหาความสุขให้กับตัวเอง ไขว่คว้าหาอะไรที่ดียิ่งขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ผิดกับ สัตว์ ซึ่งมีแค่ตัวเปล่าเล่าเปลือย ก็สามารถหาความสุขให้กับตัวเองได้แบบสบายๆ ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องต่อสู้ เหยียบหัวคนอื่นให้มันจมลงไป หรือไม่ต้องทำร้ายคนอื่นๆรอบตัว แต่คนเราจะสามารถทำแบบนั้นได้จิงหรือ ถ้ายังไม่หลุดพ้นจากวัฐสงสาร ? แม่มดแห่งป่า ได้นำเสนอ และได้ชี้แนะแนวทางที่หลุดพ้นให้กับพระเอกนางเอกแล้ว แต่สุดท้าย ดิสนีย์ก็ .. ทำร้ายจิตใจคนดูอย่างผมจนได้ ในท้ายที่สุด ด้วยการที่บอกว่า แล้วมนุษย์ก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ วิถีที่เจริญ ที่ดีที่สุดสำหรับคนเรา ไม่ใช่ความพอเพียง แต่เป็นความสุขในฐานะมนุษย์ ความฝันของเราก็ต้องเป็นความฝันแบบอเมริกัน และเราต้องทำทุกวิธีทางที่จะไปให้ถึงฝันแบบ อคาเดมี แฟนตาเซีย ?? เฮ่อ ... มันจะจบแบบให้ทั้งสองคนกลายเป็นกบ แล้วอยู่กันอย่างมีความสุขกลางป่า ไม่ได้เหรอครับ ?? กลายร่างมาเป็นคน แล้วจะมีความสุขมากกว่าตอนเป็นกบ จริงหรือ ผมไม่ค่อยแน่ใจเลย เพราะสุดท้ายชีวิตคู่มันก็ไม่ใช่เทพนิยายอยู่แล้ว !!


www.pandagroup.pantown.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น