วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

= Hachi .... หมา 1 ตัว ยังมีคุณค่ามากกว่าพวกเสื้อเหลือง 100 เท่า พันเท่า !! =


Hachi ( สามดาว )

......................ความตั้งใจที่จะรีเมคภาพยนตร์เรื่องนี้จากเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ให้เป็นเวอร์ชั่น ฮอลลีวู๊ด แบบอเมริกัน ต้องถือว่าเป็นความคิดที่ดี และเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง เพราะเนื้อหาของหนังเรื่องนี้สร้างความเต็มตื้นให้กับทุกคนที่ดูอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใหน ? แต่การจะดัดแปลงเนื้อหาทั้งหมดให้เกิดขึ้นในสหรัฐ ด้วยลักษณะความเป็นอยู่ของญี่ปุ่น กับ อเมริกัน มันก็ค่อนข้างแตกต่างกัน การใส่โน่นเพิ่มนี่ ตัดนั้นลงไป ก็เลยทำให้หนังมีรสชาติที่เปลี่ยนไปพอสมควร แต่กระนั้นก็ยังถือว่าหนังทำได้ค่อนข้างบรรลุผลสำเร็จ ในการคงคุณลักษณะ ธีมหนัง และเนื้อหาของหนัง รวมถึงอารมณ์หนังโดยรวมๆไว้ได้อย่างค่อนข้างดี !! อย่างน้อยผมก็เชื่อว่าหลายๆคนที่ดู ก็น่าจะน้ำหูน้ำตาไหล บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้สร้างหนังได้เป็นอย่างดี แม้ผมมองว่า ลาร์ส ฮอลสตรอม ผกก.คุณภาพจอมเก๋ารายนี้ จะไม่ได้บีบเค้นแบบเต็มที่ก็ตาม เฮียแกปล่อยให้อารมณ์มันไหลไปเองตามธรรมชาติ ประกอบกับดนตรีประกอบสุดซึ้งที่บรรเลงคลอตามไปด้วยทั้งเรื่องก็บิ๊วท์ได้ดีอยู่แล้ว ~

......................เวอร์ชั่นดั้งเดิมมีความเร้าอารมณ์สูงกว่า และสร้างความผูกพันระหว่างตัวละคร คนกับหมา หรือศาสตราจารย์ตาบอด กับ เจ้าหมาฮาจิ ได้อย่างน่าซาบซึ้งใจกว่า เพราะผมรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกของคนทั้งสอง ( หรือคนกับหมา ) นั้นมีแค่กันละกันอย่างแท้จริง ผมจำไม่ได้เลยว่าในครอบครัวของอาจารย์มีคนอื่นอีกหรือเปล่า จำได้แค่ หนังมันเล่นกันแค่สองตัวละครจริงๆ !! แต่เวอร์ชั่นนี้เพื่อความเป็นอเมริกัน ก็เลยเพิ่มครอบครัวของศาสตราจารย์มาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเมีย ลูกสาว ลูกเขย และหลาน ?? แถมจารย์ก็ไม่ได้ตาบอดด้วย แต่น้องหมาก็ยังวิ่งไปรับส่งที่สถานีรถไฟเหมือนหนังฉบับเดิมไม่มีผิด !! และที่สำคัญ ศาสตราจารย์รับบทโดยดาราดังอย่าง ริชาร์ด เกียร์ ?? การเพิ่มหลายๆตัวละครเข้ามาทำให้ความผูกพันระหว่างตัวละครหลักดูลดลงไปโดยปริยาย และการวางปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอื่นในครอบครัวกับหมา ทำให้อารมณ์แกว่งไปนิดหน่อย คือมันเหมือนโลกของตัวละครหลักไม่ได้มีแค่กันและกัน แต่กลับมี " คนอื่น " เข้ามาถ่วงดุลเพิ่มด้วย ~

......................เหตุผลต่างๆในการดำเนินชีวิต และตัวละครที่รายล้อมเข้ามา จะเรียกว่าสีสัน หรือจะมองว่าเป็นสไตล์แบบ Hollywood ก็ได้ ในหนังบางเรื่องจำเป็นต้องมี แต่กรณีนี้ผมมองว่าถ้าไม่มีน่าจะดูดีกว่านี้ครับ ~ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่า หนังเขียนบทได้ดีพอสมควร และมีการใส่ไดอาล๊อกที่โดนๆลงไปอยู่หลายท่อน อย่างเช่น แท้จริงแล้วไม่ใช่คุณเป็นคนเจอหมา แต่เจ้าหมาต่างหากที่เป็นคนเลือกคุณ ? ถ้าคุณเคยเลี้ยงหมาหรือเป็นคนรักหมา หนังเรื่องนี้ทำคุณถึงตายได้ไม่ยากครับ เพราะมันเต็มไปด้วยความรักความผูกพัน ความอ่อนไหว ความละเอียดอ่อนซึ่งมีมนุษย์ไม่มากนักในโลกปัจจุบันนี้จะเข้าใจมันได้ เพราะผมมองว่าคนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้จิตใจหยาบกระด้าง ไม่เหมือนแต่ก่อน และการได้คลุกคลีกับสัตว์ที่มีคุณลักษณะดีๆแบบน้องหมาเนี่ยแหละ ที่จะทำให้จิตใจของคนเราอ่อนโยน และมีความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้น สังเกตุการพูดการจาของหลายๆคนในโลกไซเบอร์สิครับ ดูตามเวปบอร์ดหลายๆที่ก็ได้ นั่นแหละครับ การแสดงออกของคนที่หยาบกระด้าง ?

......................Hachi ทำให้ผมนึกถึงเจ้านุ๊ก ผมดีใจนะที่ตอนนี้เจ้านุ๊กมันไปสบายแล้ว บางครั้งคิดว่ามันเป็นเรื่องเศร้านะที่เราต้องพลัดพรากจากกัน แต่ถ้ามานึกดูอีกที การที่มันได้จากไปก่อนเรา ย่อมจะดีกว่าการที่มันจากโลกนี้ไปทีหลังเรา อย่างน้อยก็ทันได้ดูใจกันในนาทีสุดท้าย ได้ปลอบประโลมกัน ได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีระหว่างกัน ลมหายใจสุดท้าย หรือภาพสุดท้ายของมันที่จะจดจำได้ก็คงจะเป็นภาพของตัวเรา ... คงไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการที่ต้องจากไปโดยไม่มีใครอยู่ข้างๆ เหงาตายอยู่ชีวิตเดียวกลายเป็นเหมือน Last life in the universe !! จากประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงหมาบอกได้คำเดียวว่า หมานี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด และคงคุณลักษณะส่วนดีเอาไว้แทบทั้งหมด การได้คลุกคลีกับหมาทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสงบเยือกเย็น แต่ถ้าชีวิตของคุณๆไม่เอื้ออำนวยให้เลี้ยงหมาได้ล่ะก็ การหยิบหนังเกี่ยวกับน้องหมามาดูก็ช่วยทดแทนได้อยู่บ้างล่ะน่า ?


http://www.pandagroup.pantown.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น